ทำเอาหลายคนเรียกร้องร่างทองหนักมาก หลังจาก “เวียร์ ศุกลวัฒน์” พระเอกชื่อดัง ได้เปลี่ยนลุคจากหนุ่มมาดเท่มาเป็นหนุ่มมาดเซอร์ โดยปล่อยตัวเครายาวหนวดเฟิ้ม จนทำเอาแฟนคลับจำแทบไม่ได้ จึงกลายเป็นข้อสงสัยให้ใครหลายคนว่า หนุ่มเวียร์พักงานในวงการหรือเพียงไว้หนวดเคราเพื่อโปรเจ็กต์กันแน่

ล่าสุดหนุ่มเวียร์ได้ควงภรรยาสาวพร้อมลูกสาวสุดน่ารักมาร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง “มันแอบในจอ(There’s Something Wrong With The TV)” เจ้าตัวได้เคลียร์ใปมปล่อยตัวเซอร์ไว้หนวดเครายาวเฟื้อย พร้อมทั้งเผยว่าแฟนๆ จะได้เห็นผลงานละครของหนุ่มเวียร์ผ่านจอโทรทัศน์อีกหรือไม่ โดยหนุ่มเวียร์เผยว่า
“สำหรับลุคของภาพยนตร์เรื่อง “มันแอบในจอ” ก็เปลี่ยนประมาณนึงแต่ก็ไม่ได้เยอะ คือต้องเกลี้ยงกว่านี้หน่อยแต่ก็อาจจะไม่ได้ใสเลย ก็จะโตประมาณนึง ถามว่าหนักใสไหมที่ต้องเกลี้ยงเกลาก็ไม่นะ คือเราโกนหนวดเช้า เย็นก็เริ่มขึ้นแล้วเดี๋ยวนี้ แต่หลายคนก็ตกใจนะ เฟิ้มมาเชียว ก็นั่นแหละอย่างที่ทุกคนได้เห็น สุดท้ายมันคือโปรเจ็กต์ ก็เวลาที่เราทำงานเราก็อยากจะเต็มที่ถ้าเราทำได้ แล้วพอดีด้วยคอนเน็คชั่นที่คุยกับครอบครัวว่า เราจะรับงานที่ละเรื่องหรือไม่คาบเกี่ยวกันมากมันก็ทำให้เราสามารถที่จะครีฟลุคได้เต็มๆเนาะ มันก็เลยทำให้เราไว้แบบเต็มที่เลย ตอนแรกผมไว้เล่นๆ ก่อน แต่พอไปเจอโปรเจ็กต์เขาก็อยากได้แบบนี้ ก็เลยไว้ต่อจนถ่ายทำเสร็จ
คือตอนที่เห็นสภาพตัวเองตอนนั้นก็คือถ้ามันจัดทรงแล้วมันก็ดูดีนะ แต่ว่าเราจะไปใส่เจลหรือว่าจะไปไดร์เคราทุกวันมันก็ทำไม่ได้ แต่เราก็เข้าใจแหละ บางคนก็เข้าใจบางคนก็อาจจะมองว่าเราทำไมไม่ดูแลตัวเอง แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ดีแล้ว มีคนให้ความสนใจ แล้วสุดท้ายมันก็คือมาเฉลยเองว่าคือโปรเจ็กต์ ซึ่งความรู้สึกเราตอนที่หลายคนบอกว่าทำไมปล่อยตัวขนาดนี้ คือผมก็ขำๆ นะ คือเขาไม่รู้จริงๆหรอว่าเราทำงานในวงการอยู่ ถ้าเป็นเพื่อนๆที่ทำงานในวงการด้วยกัน ก็จะเข้าใจว่าเวียร์มันต้องมีโปรเจ็กต์อะไรสักอย่างแน่ๆ ถึงได้ปล่อยขนาดนี้ แต่บางคนก็อาจจะเอ๊ะ…หรือว่าช่วงนี้พี่เวียร์พัก

ส่วนในเรื่องคอมเมนต์ก็มีเห็นบ้าง มันเป็นเรื่องปกติเนาะ บางคนเขาก็ไม่ได้รู้ว่าเราทำงาน ซึ่งเคราเราไม่เคยไว้ยาวขนาดนี้นี่คือครั้งแรก พอโกนหนวดเสร็จปุ๊บลูกสาวคือเขาก็ดูตื่นเต้นนะ แต่เขาก็เคยเห็นเราในโหมดที่ไม่มีเหมือนกัน แต่เขาก็จำในโหมดที่มันเยอะ แล้วพอเราเอาออกเขาก็บอกว่าเขาก็ชอบ ซึ่งตอนที่เคราเราเยอะ เขาก็รู้ว่าเราทำงานเขาก็ชิน ถามว่าลูกมีชมว่าหล่อขึ้นไหม(หัวเราะ) แต่หลายคนอยากเห็นเราในเอร์ชั่นเกลี้ยงเกรา ก็มี ต่อจากโปรเจ็กต์นี้เกลี้ยงเกราแน่นอน โปรเจ็กต์หน้าคุยกันแล้วเกลี้ยงแบบใสๆ เลยครับ(ยิ้ม) ซึ่งถามว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่างเกลี้ยงเกรากับมีเคราะ ก็ได้หมดครับ ก็อยากเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่ให้คนชินว่าพี่เวียร์ต้องเป็นแบบนี้
ความรู้สึกที่ต้องรับแต่ละโปรเจ็กต์ก็รู้สึกว่าเราสบายในการทำงาน คือเวลาทำอะไรก็อยากทำเต็มที่ เวลาเราแอคติ้งพอมันเป็นของจริงมันก็ไม่ต้องห่วงว่ามันจะหลุด เราก็สบายใจที่จะทำงานแบบนี้ แต่ถ้าสมมุติมันมีงานที่ต้องถ่ายคาบเกี่ยวกับอันนึงขอผมสั้น อันนึงขอผมยาว อันนี้เราก็ต้องยอมที่จะใช้เอฟเฟ็กต์ช่วย คือก็ไม่ได้แอนตี้อะไร ถ้าเราสะดวก”

เวียร์ ได้เผยต่อว่า “หลายคนเห็นเราในพาร์ทของซีรีส์และภาพยนตร์ ส่วนในพาร์ทละครน่าจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะอย่างปีนี้เองก็โปรเจ็กต์ก็พอสมควร เรารู้สึกว่าเราค่อยๆรับทีละโปรเจ็กต์เรื่อยๆดีกว่า ละครก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เราก็ไม่ได้มีสัญญาที่ไหนอยู่แล้วตอนนี้ แต่ว่าเราก็ยังไม่ได้ถูกทาบทามมา ส่วนใหญ่ที่ทาบทามมาก็จะเป็นภาพยนตร์หรือเป็นซีรีส์ที่ไม่กี่ตอน ซึ่งมันค่อนข้างที่จะตรงกับไลฟ์สไตล์เรา ก็คือทำงานไปเลย4-5เดือน พักไปเลย2เดือน ซึ่งผลงานตอนนี้มีซีรีส์1 หนัง2คือช่วงหลังมีแต่หนัง คือก็ดีนะ ผมก็รู้สึกว่าผมสนุกกับการทำงาน จริงก็สนุกหมด แต่ ณ ตอนนี้ภาพยนตร์มันตอบโจทย์ช่วงเวลาในการทำงานต่างๆ ก็ถูกจริตครับ
จากประสบการณ์ของเราก็เยอะมาก ถามว่าคิดเรื่องที่จะผันตัวมาเป็นผู้จัด ผู้กำกับเองไหม จริงๆ ผมยังไม่ค่อย เคยคุยแล้ว ก็มีแต่คนบอกว่าเป็นนักแสดงแหละดีแล้ว แต่ผู้กำกับก็จะเป็นอีกพาร์ทนึงที่ท้าทาย ผมเองยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น แต่คือชอบคิดหรือว่าหาไอเดียก็อาจจะเก็บมาเป็นข้อมูลไว้ หรือในอนาคตเราอาจจะเขียนบทได้หรือมีโปรเจ็กต์ไปเสนอได้ อาจจไม่ได้เป็นผู้กำกับ หรือผู้จัด แต่อาจจะเป็นเจ้าของเรื่องราวพอจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ผมว่านักแสดงสนุกกว่าครับ

ในส่วนของละครไม่ได้มีติดต่อมา ถามว่าคิดถึงไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะ แฟนๆละครก็ถามตลอด เวลาเจอข้างนอกก็มีแต่คนถามว่าไม่เล่นแล้วเหรอ เราก็บอกว่า เล่นอยู่ครับ แต่หลังๆ มาจะเล่นเป็นภาพยนตร์ พี่ๆก็สามารถมาชมที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่านได้นะครับ ผมก็จะบอกประมาณนี้ หรือว่าถ้าจะดูในแพลตฟอร์มก็สามารถไปสมัครแพลตฟอร์มได้ จะเห็นผมเยอะแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีละคร ก็3ปีแล้วที่ไม่มีละคร ถามว่าถ้ามีติดต่อมาจะรับเลยไหมก็ขอดูก่อน มันมีหลายอย่างที่ต้องใช้การตัดสินใจค่อนข้างเยอะ ไม่ได้เลือกหรอกแต่หาอะไรที่เหมาะกับเราที่สุดดีกว่า ยังรับงานปกติ
ส่วนเรื่องเข้าป่าก็ยังอยากเข้าอยู่ แต่ถ้าหน้าฝนก็คงไม่ไหวเดี๋ยวรอให้ช่วงปลายฝนต้นหนาว นี่ก็กะว่าจะพาภรรยากับลูกไปเดินออกกำลังกาย คือลูกเขาเริ่มโตแล้วเด็กในวัยนี้ต้องเทรนด์พลังงานออกให้เยอะๆ เพราะเขาต้องการที่จะเรียนรู้”
