เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า พรรค ปชน. เตรียมขุนพลที่จะอภิปรายถึง 49 คน และน่าจับตาทั้ง 49 คน เพราะเนื้อหาเข้มข้น โดยวันแรกอยู่ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ที่จะนำเสนอธีมช่วยรัฐบาลหาเงิน อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบประมาณครั้งนี้ เป็นเรื่องที่จะช่วยรัฐบาลหางบประมาณ นั่นคือ เรื่องการตัด โดยจะหาในส่วนที่ตัดได้ แบ่งเป็นหัวข้อ เช่น เรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่น การใช้งบประมาณไม่เหมาะสม ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจไม่จำเป็นในช่วงนี้ ซึ่งสามารถชะลอไปก่อนได้ ทั้งตัด ลด และชะลอ รวมถึงมีประเด็นเรื่องการจัดสรรงบประมาณตามปกติที่เราต้องเข้าไปดูว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ ทั้งด้านสาธารณสุข สวัสดิการ เกษตร เศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน

เมื่อถามว่า กรณีที่ครั้งนี้การตั้งงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มาก น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การตั้งงบประมาณปี 69 ไม่ตอบโจทย์อะไรเลยกับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ เหมือนเป็นงบประมาณปกติ แทบจะตอบไม่ได้เลยว่ากำลังจะเข้าสู่สงครามการค้า อย่างปีที่แล้วตอนยังไม่มีสถานการณ์อะไร จัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจไว้เกือบ 2 แสนล้านบาท แต่ปีนี้เหลือ 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการอื่นๆ หน้าตาเหมือนเดิมทั้งหมด อาจจะมีบางโครงการที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งปีนี้ทำตัวเลขขึ้นมาจนได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท จึงขอให้ติดตามพรรค ปชน. ซึ่งจะมีวิเคราะห์งบประมาณในส่วนของโครงการซอฟต์พาวเวอร์ว่าอย่างไร ตรวจผลงาน 2 ปีที่ผ่านมา จะพร้อมอนุมัติงบประมาณหมื่นล้านบาทสำหรับซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สำหรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทนั้น เป็นงบปี 68 เหมือนเป็นกระสุนก้อนสุดท้ายสำหรับกระตุ้นจีดีพีของปี 68 ซึ่ง 4 เรื่องที่รัฐบาลอยากทำเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ คมนาคม กระตุ้นการท่องเที่ยว ช่วยเหลือการส่งออก การลงทุนเศรษฐกิจชุมชนต่างๆ ตามหลักการถูกต้องทุกประการ โดยรัฐบาลเปิดให้หน่วยงานต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ส่งโครงการเข้ามา โดยไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลย แสดงว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าอะไรเลย และอาจทำให้ซ้ำรอยตอนออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท ที่ถูกใช้แบบเบี้ยหัวแตก โครงการมีลักษณะเล็กมาก กระจัดกระจาย ไม่ได้มุ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนจริง หลายโครงการถูกยกเลิกกลางคันเพราะไม่มีความพร้อม เป็นบทเรียนที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ไม่คิดว่า รัฐบาลจะลืมมันไปง่ายๆ และไม่ยอมถอดบทเรียนเพื่อแก้ปัญหา

เมื่อถามถึง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุให้แบ่งงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทไปปราบปรามยาเสพติด น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ชักจะเกินเลย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออกมาแค่ 4 หลักการ หากจะมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำคือ การกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน แต่ถ้าเอาไปใช้เรื่องแก้ปัญหายาเสพติดคิดว่าเกินเลยไปเยอะ เพราะยังมีเม็ดเงินในงบกลาง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งให้นายทักษิณไปขอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จัดงบกลางมาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด ตนไม่ได้บอกว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่สำคัญ แต่ควรต้องใช้งบประมาณให้ถูก อย่าใช้ปะปนกันไปหมด 

เมื่อถามว่า ธีมการอภิปรายที่ช่วยรัฐบาลหางบประมาณครั้งนี้ จะไม่ดูใจดีไปใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ รอฟังจะรู้ว่า ไม่ได้ใจดี แต่ที่ต้องมาช่วยหางบประมาณ เพราะความผิดพลาด 2 ปีติดของการจัดงบประมาณของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยที่ใช้เงินมือเติบ สุรุ่ยสุร่าย ซึ่งเราอยากจัดสรรงบปี 69 ใหม่ให้เหมาะสม วาระ 1 อาจจะตัดไม่ได้ แต่เราจะไปตัดกันในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ  

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลออกมาระบุว่า เป็นการพิจารณางบประมาณ ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การใช้งบประมาณผิดประเภท การใช้งบประมาณที่คอร์รัปชั่น ถ้าจะไม่พูดในการอภิปรายงบประมาณเลย เราก็รู้สึกว่า มันเป็นการเสียดายซีน เพราะเป็นการให้ข้อมูลประชาชน ทั้งนี้มติของพรรค ปชน.คือ โหวตไม่เห็นด้วยกับการจัดงบในครั้งนี้