เรียกได้ว่าฮือฮาหนักมากเลยทีเดียวหลังจากที่นักร้องสาวเสียงใสอย่าง “แพรว คณิตกุล” ได้เปิดตัวแฟนหนุ่มนอกวงการอย่าง “เควิน” ลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ทำเอาแฟนๆ ปลื้มปริ่มอิ่มอกอิ่มใจที่ได้เห็น แพรว กลับมาหัวใจพองโตอีกครั้ง

ล่าสุด แพรว คณิตกุล ขอเปิดใจกับรักครั้งใหม่ หนุ่มเควิน จากเพื่อนบ้านสู่คนรู้ใจ พร้อมเล่าจุดเปลี่ยนรักครั้งนี้หลังฝ่ายชายป่วยเป็นลูคีเมีย ย้อนเล่าเหตุการณ์เฉียดตาย รถเสียหลักหมุนบนทางด่วน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 โดยเธอเผยว่า

“รักครั้งใหม่ ก็มาจากเจอที่คอนโดฯ นี่แหละค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกันค่ะ แพรวก็อยู่ที่นี่มา 9 ปี เขาอยู่มา 5 ปีแต่ไม่เคยเจอกันเลย วันนั้นเอาแมวไปกินหญ้าบนดาดฟ้า เควินไปเดินรอบๆ อยู่แล้ว เหมือนเดินทำสมาธิของเขา บางทีเราอยู่ในห้องคอนโดฯ ก็ต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ วันนั้นมาคุยกันแล้ว ก็ถามว่าถ้าไม่เอาแมวขึ้นไปเดินจะได้คุยกันมั้ย เขาบอกว่าน่าจะมีสิทธิน้อยมาก ทุกวันนี้เลยแบบ ชาโด้ลูกรัก (หัวเราะ) แมวเป็นสื่อกลาง เจอบนดาดฟ้า

ล่าสุดลงภาพวันเกิด เควินทำเซอร์ไพร้ส์ คือวันเกิดเขา แพรวทำเซอร์ไพร้ส์เขา แต่ทุกคนเพิ่งมารู้ว่าลงว่าเปิดตัว แต่จริงๆ เราคบกันมาจะปีนึงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงรูปอะไรเยอะแยะ อันนี้วันเกิดเขาก็ลงนิดนึง เพิ่งสังเกตด้วยว่าเราไม่เคยลงรูปคู่เลยมั้ง รูปคู่แบบชัด ไม่ได้ประกาศแต่ก็ไม่ได้ปิด ซึ่งวันนั้นเควิน เขาแฮปปี้ค่ะ เพราะเราชวนเพื่อนๆ ที่สนิทกับเขามาด้วย เขาเองก็อยากเจอเพื่อนๆ อยู่แล้ว เราก็จัดที่บ้าน ห้องเรา เอาเพื่อนๆ เขามาซ่อนตัวในห้องเราก่อน เรียกเขามาช่วยยกของหน่อย มันหนัก มาถึงเขาเจอเพื่อนเขาก็ดีใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเราได้ความช่วยเหลือจากคนที่เรารักด้วยคือแฟนคลับเรา ปกติแก๊งนี้ทำให้แพรวตลอด การ์ดที่ทำมาให้ทุกครั้งที่เจอ หรือเค้กที่ทำมาให้วันเกิดเราหรือแม่ ครั้งนี้เราเลยบอกว่าเราขออุดหนุนบ้าง ก็ช่วยทำเป็นเค้กแมวเควินสองตัวมาหน่อย วาดรูปการ์ดเป็นแมวให้เขาด้วย ก็เป็นมากกว่าที่คิดไว้ ไม่ได้บรีฟว่าต้องมีปลา เขาก็ทำมาให้ น่ารัก”

แล้วเชื่อมั้ยตอนแรกเราคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสาวด้วยซ้ำ เพราะตอนเราไปวิ่งกัน หลังจากพบบนดาดฟ้า ก็มีนัดไปวิ่งแถวคอนโดฯ เขาใส่เสื้อสีชมพู ถุงเท้าแมว เราก็เอ๊ะ เพื่อนสาวหรือเปล่า แต่พอเราได้เจอครอบครัวเขา คุณพ่อก็ถุงเท้าแมว ต่อมาวันนั้นคุยกันเรื่องแมว แต่ก็ถามว่าอยู่มานานหรือยัง เขาบอกว่าอยู่มานานแล้ว อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ไปเจอดาดฟ้า เราก็อ้าว อยู่ชั้น 2 แล้วยังไง เขาบอกว่าออกจากลิฟต์เลี้ยวขวา เราก็เลี้ยวซ้าย มันเป็นอารมณ์นั้น ดีแล้วที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอกัน เจอกันตอนที่เป็นเวลาที่ถูกต้อง ตอนเราโสด

ถามว่าใครขอคอนแทค คือเขาเดินหันหลังกลับไปแล้ว เขาก็เดินกลับมาใหม่ บอกว่าถ้าจะไปวิ่งต้องติดต่อกันยังไง เขาก็ขอไลน์ไป ก็เลยได้คุย วันเดียวเขาก็ส่งไลน์มาเมื่อไหร่ไปวิ่ง (หัวเราะ) วันนั้นเรามีนัดเพื่อนๆ ไว้ ก็ไปนัดเพื่อนๆ ก่อน แล้วนัดกันวันหลัง เรามีเวลาก็วิ่งไปได้คุยระหว่างทาง ได้นั่งเรือกลับบ้านมาด้วยกัน วิ่งเลียบคลองแสนแสบ กลิ่นก็โรแมนติก (หัวเราะ) เราวิ่งไปถึงนานา แล้วเขาเสนอว่านั่งเรือกลับมั้ย เขาไม่เคยนั่ง ก็เหมือนพาชาวต่างชาตินั่งเรือกลับบ้าน

กว่าจะรู้ว่าเขาปิ๊งเราหรือเปล่า ก็หลังจากวิ่งเสร็จก็กิน กินเสร็จก็แยกย้ายกันอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จนัดกันไปฟังเพลงแจซซ์แถวบ้าน จนมีวันนึงเขาบอกว่าอยากไปกินข้าว เขาก็จะไปจองเอง สำรวจเองว่ามีอะไรที่เขาอยากไป จะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาชอบคืออะไร เขาจองที่ริมน้ำเลย โอ้โห โรแมนติก ไปกันสองคนแบบเงียบๆ ไปเจอเพื่อนแพรวเป็นฝูง 10 กว่าคนโดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อนบอกว่าสงสารมากเลย อุตส่าห์มากันเงียบๆ สองคนก็ยังดั๊นมาเจอกัน เราเริ่มรู้ว่าเขาชอบเราและจะจีบจากวันนั้น เพราะมันดูเป็นเดทที่โรแมนติกมากขึ้น องศาโต๊ะเห็นวัดอรุณฯ จุดเทียนทุกอย่าง บรรยากาศร้านหลายอย่าง ถ้าไม่เจอเพื่อน 10 คนที่ไปเจอ ก็โอเค เราก็คิดว่าเควินนัดมาหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ มันบังเอิญ มันโรแมนติก ก็เริ่มรู้ว่าจีบแล้ว

ผ่านมาสักพักหนึ่งหลังจากนั้นเริ่มมาขอเราเป็นแฟน ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้ตกลงเป็นแฟน เพราะรู้สึกว่าเรายังอยากใช้เวลาดูไปก่อน แพรวพูดกับเขาว่ารีบเหรอ อย่าเพิ่งรีบ ค่อยๆ ดูกันไป เขาก็บอกว่าโอเคตามนั้น ถามว่า เขาเสียเซลฟ์มั้ยเหมือนถูกปฏิเสธ คือเขาโอเคมาก เขาเข้าใจ เขาพูดว่าเข้าใจ บางคนเขาก็อยากทดสอบผู้หญิงมั้ง แพรวไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่สำหรับแพรว แพรวรู้สึกว่าอยากให้รู้จักมากกว่านี้อีกนิดเลยแหละ ตัวเราเองยังไม่รู้เลยว่าวันที่เจออะไรแย่ๆ เขาแก้ปัญหาของเขายังไง เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แพรวต้องการดูคนที่ emotional มากกว่า แล้วเขาควบคุมได้มั้ย ก่อนที่จะเป็นแฟนกับใคร

ถึงแม้จะปฏิเสธเป็นแฟน แต่ไปทำกิจกรรมร่วมกัน เรียนรู้เขามากขึ้น แล้วก็จะรู้ว่าเขาเป็นยังไงต่อไป ชอบที่เขาชวนเราไปวิ่ง ชวนเราทำอะไรหลายๆ อย่างที่เปิดโลกใหม่ บางทีเขาก็โทรฯ มาบอกว่าวันนี้ไปทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำกันเลยดีมั้ย เช่น ไปเล่นพีราทิสด้วยกันมั้ย ไปโยคะที่มีแมวมั้ย เขาเป็นคนแพลนว่าอยากทำอะไร เขาอยากรู้ว่าแพรวใช้ชีวิตยังไง ที่ทำเป็นปกติคือยังไง เอาตัวเองมาอยู่ในชีวิตของแพรว อยากจะไปอยู่ด้วย แบบนั้นค่ะ ก็ไปดริปวิตามิน (หัวเราะ) วันนั้นเควินไปดริปวิตามิน แล้วเห็นว่าปวดเจ็บหน้าอก แล้วหายใจไม่ออก เหมือนทรมานมาก ก่อนหน้านั้นบ่นมาบ้างแล้ว ปกติเขาเป็นคนดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย แต่เขาบอกว่าช่วงนี้เขารู้สึกว่าเขาเหนื่อยมาก เขาปวด เจ็บหัวใจ หายใจไม่ค่อยดี เหนื่อยแบบหน้าซีดปากซีดเลย เราก็เริ่มเห็นเวลาถ่ายรูปด้วยกัน ปากจะซีดขึ้นเรื่อยๆ ก็คุยกันว่าเขาจะมีตรวจสุขภาพประจำปี เราก็บอกว่าดี ลองไปตรวจดู

วันนั้นเขาไปกับครอบครัว เขาก็มาขอวิดีโอคอล เราก็แปลกๆ ปกติไม่เคยเลย กลัวทุกทีเวลาเขาพูดเป็นจริงเป็นจัง วันนี้จะขออนุญาตวิดีโอคอล เวลานี้ๆ ทุกอย่างจะเป๊ะสามทุ่มเราก็รอ เขาบอกว่าตรวจสุขภาพดีทุกอย่างเลย เหลือแต่เลือดอย่างเดียวที่ไม่ค่อยดี ผลออกมาไอเป็นลูคีเมีย เราก็หะ!เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนนั้นจำได้ว่าไม่ร้อง แต่ตกใจ ตั้งแต่เราเจอเขา มันก็ดูแปลกๆ มาก ที่ไปเจอกันที่ดาดฟ้า พออันนี่มันยิ่งกว่านั้น เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าพระเจ้าวางแผนเรื่องนี้เอาไว้เพื่ออะไร อยากรู้ เราก็สนุกขึ้นเรื่อยๆ กับบททดสอบนี้ว่าแล้วยังไงต่อ แต่เควินแข็งแรงมาก บอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเจาะไขกระดูกดูว่าเป็นแบบไหน ระดับไหน

คือมันเป็นเรื่องใหญ่มากนะ แต่เควินทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ เอาเกมไปด้วย (หัวเราะ) คิดว่าต้องอยู่หลายวัน เอาเกมไปเพื่อเอ็นเตอร์เทนตัวเอง พอเจาะไขกระดูกออกมา เราน้ำตาซึมกลับบ้าน แต่พอไปอีกที หัวเราะ สวัสดี เขาดูปกติ ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเรารู้ กำลังใจเราหล่นวูบเลยนะ อยากบอกว่าจริงๆ มันอยู่ที่มายด์เซต อย่างเควินเป็นคนที่มองบวกจนบางทีลืมว่าตัวเองเป็น ตั้งผลเลือดตัวเองไว้หน้าวอลล์เปเปอร์ เตือนตัวเองว่าเป็นอยู่นะ อย่าซ่ามาก (หัวเราะ) เป็นคนคิดแบบนี้

วันไปเจาะไขกระดูก ได้เจอครอบครัวเควินด้วย ทุกอย่างมันเลยรวบรัด เดิมทีเราเคยบอกว่าเรามีเวลากันอีกเยอะ ตอนนั้นที่เขาขอเป็นแฟนแล้วเราไม่ให้เป็น เพราะเรารู้สึกว่าเรามีเวลาเรียนรู้กันอีกเยอะ ทุกอย่างค่อนข้างกลับมาเร็วขึ้น เราได้เรียนรู้เขาเร็วขึ้น โดยที่ได้รู้จักครอบครัว รู้จักเพื่อนที่สนิท ได้รู้ว่าเมื่อผู้ชายคนนี้เจอปัญหาที่ขนาดนี้เขาจัดการกับตัวเองยังไง เขาอดทนมากแค่ไหน emotional เขาเป็นยังไง สิ่งที่เราอยากรู้มันเฉลยได้ดีมาก เขาจัดการทุกอย่างได้ respect นับถือในหัวใจของเขา

ถามว่าเขาเป็นระยะที่เท่าไหร่ ลูคีเมียจะมีสองแบบ คือเป็นแบบฉับพลันหรือเรื้อรัง การรักษาก็มีสองแบบ บางคนเปลี่ยนไขกระดูก บางคนเลือกกินยามุ่งเป้า ตัวนี้แล้วแต่คุณหมอด้วยว่าเป็นแบบไหน และเลือกยังไง ของเควินเลือกเป็นยาที่ทานไปตลอด แต่ค่อนข้างค่าใช้จ่ายสูง กระปุกหนึ่งกินได้ 1 เดือน อยู่ที่ประมาณ 1.7 แสน ถ้าเราไม่ได้ดื้อยาตัวนี้ ก็จะอยู่กับยาตัวนี้ในราคาที่ลดลงได้ โด๊สของยาก็จะลดลงได้ แต่ยาห้ามตกเลยค่ะ ยาค่อนข้างแพงนิดนึง

ตอนนี้อาการไม่เป็นห่วงเลย เพราะพวกเราทั้งหมดได้ผ่านขั้นตอนการลองดูยาตอนแรกว่าเขาไหวมั้ย เอฟเฟกต์ของยาค่อนข้างจะเยอะ แต่เราไปเที่ยวกันเป็นปกติ บางครั้งเรายังวัยรุ่น วัยเขายังต้องเจออะไรอีกเยอะ บางอันที่เขาอยากไปจริงๆ เขาก็ใส่หน้ากาก แล้วไปดูคอนเสิร์ตกัน เรารู้ว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันยังไง ด้วยความไม่เครียดด้วย ซึ่งที่ รพ. เรารู้สึกว่าเราได้รู้จักครอบครัว เขาเองเขาบอกว่าเขาล้มเลิกแล้วนะ เขาไม่ขอเป็นแฟนแล้ว ตั้งแต่เขาป่วย เพราะถ้าเป็นแฟนเขาต้องเจออะไรเยอะแยะมากมาย เราก็คิดอยู่ว่าคนนี้น่าเป็นแฟนด้วยนะ ใจดูโอเคเลย เราโอเคกับเขา เราก็บอกว่างั้นเป็นแฟนกันตามที่ยูบอกนั่นแหละ เขาก็ยิ้มใหญ่เลย แต่มันจะเหนื่อยมากเลยนะ ต้องเจออะไรเยอะเลยนะ จะไหวเหรอ เขาจับมานั่งหันหน้าชนกัน จับเข่าเรา จะเจออะไรเยอะเลยนะ ถ้าเควินดูอยู่ อยากบอกว่าวันนี้ทำดีมากเลย ขอบคุณที่มีหัวใจที่คอยดูแลคนรอบข้าง และดูแลตัวเองดีมากๆ ในตอนนี้ มาถูกทางแล้ว ทำถูกทางแล้ว ทำต่อไปค่ะ แต่อย่าทำงานหนักมาก บอกไปก็เท่านั้น เขาทำงานหนักอยู่ดี

ส่วนแพรวเคยเกิดเหตุการณ์เฉียดตายมาแล้ว บางคนไม่ได้ระมัดระวัง ทางด่วนแถวดอนเมือง เส้นนั้นจะมีรถบรรทุกปลา บรรทุกของของทะเลไป มีน้ำของปลา เมือกปลา เวลาหน้าฝนมันลอยขึ้นมามันลื่น มันควบคุมไม่ได้ ควบคุมพวงมาลัยไม่ได้ ตอนนั้นฝนตกด้วย รถหมุน เราคิดอะไรหลายอย่างภายในไม่กี่วินาที หันไปหาแม่ก่อน ว่ามันจะหยุดตรงไหน จะลงข้างทางมั้ย คิดอีกอย่างคือไหว้อะไรดี ขอใครดี ขอพระแม่อะไร ฝน หรือถนน เต็มไปหมด ก็ขอแค่ว่าให้หยุดบนถนน อย่ามีรถสวน อีกแป๊บก็หยุด ขอบคุณพระเจ้าด้วย ไม่รู้เป็นใครที่ทำให้เราปลอดภัยทั้งคู่ เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรากลับมาเป็นคริสเตียนด้วย

สำหรับเรื่องวางไมค์ ไม่นะ จะร้องเพลงต่อไป ยังรับอยู่ค่ะ แต่นอกเหนือจากการร้องเพลง ตอนนี้ทำโรงแรมที่เชียงใหม่ พอร์ โฮเทล มีทั้งหมด 5 แต่เราหุ้นแค่ 3 อีกสองสาขาเหมือนเป็นของครอบครัวที่เขามาให้ทางพอร์บริหาร ที่โน่นจะเป็นเชียงใหม่ทั้งหมด เป็นมินิมอ ล โมเดิร์นนิดนึง สาขาก็ทาร์เก็ตไม่เหมือนกันเลย เราอยู่ในเมืองหมดเลย แค่อยู่คนละประตูเชียงใหม่กัน ช่วงนี้ช่วงหน้าฝน เหมาะมากจริงๆ ค่ะ ไม่มีควัน