เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. บริเวณวงเวียนน้ำพุ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.โสภณ มากสุวรรณ รอง สว.จร.สภ.บ่อผุด ร.ต.ท.อนุวัฒน์ รวยจินดา รอง สว.จร.สภ.บ่อผุด ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ทำการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร ตามคำสั่งการของ พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุด หลังจากที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้มงวดบังคับใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 122 ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อก ทั้งคนขี่คนซ้อน หากไม่สวม คนขี่ถูกปรับหนัก สูงสุด 2,000 บาท โดยเฉพาะผู้โดยสารไม่สวมหมวกกันน็อก คนขี่จะถูกปรับเพิ่ม 2 เท่า ซึ่งเริ่ม 1 มิ.ย. 68

จากการตั้งจุดด่านกวดเข้มวินัยจราจรตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 122 วันแรก พบว่าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลายคนขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่ง ไม่สวมหมวกกันน็อก ถึงแม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะมีการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจรอย่างต่อเนื่องก็ตาม ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่ไม่สวมหมวกกันน็อกเพราะไปทำธุระใกล้ๆ และไม่รู้ว่า พ.ร.บ.จราจรทางบกเริ่มบังคับใช้ในวันนี้ และอีกหลากหลายเหตุผลที่อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปรียบเทียบปรับ

สำหรับพื้นที่เกาะสมุย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มบังคับใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 122 ที่จะทำให้ถนนบนเกาะสมุยปลอดภัย ด้วยการสวมใส่หมวกกันน็อก 100% หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศเข้มงวดบังคับใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 122 ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อก ทั้งคนขี่และคนซ้อน โดยคนขี่จะถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท และผู้ที่ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อก คนขี่จะถูกปรับเพิ่ม 2 เท่า

การบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุ หมวกนิรภัยสามารถที่จะช่วยให้สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้การบาดเจ็บหนักกลายเป็นเบาได้ จึงขอให้ประชาชนได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกอย่างเคร่งครัด

ร.ต.อ.โสภณ ได้ขอความร่วมมือผู้ที่ขับขี่รถจักรยายนต์ จะต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ทั้งคนขี่และคนซ้อนท้าย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 122 อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้รถจักรยายนต์