มาถึงวันนี้ก็เข้าโหมดนับถอยหลังสู่คืนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ค่ำคืน “ลอยกระทง” อีกครั้งแล้ว โดยในปี 2564 นี้ตรงกับวันที่ 19 พ.ย. ซึ่งแม้ปีนี้ก็ยังคงต้องตั้งการ์ดสูงป้องกันโควิด-19 กันอยู่ แต่ก็มีการอนุญาตให้จัดงานลอยกระทงกันได้ ส่วนบรรดา “สายมู” ก็อย่าลืม “คืนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12” นี่โบราณท่านว่า “ขลังนัก!!” ขลังทั้งสำหรับใช้เป็นฤกษ์ “ขอพรพระจันทร์” เป็นวันที่มีการเกิด “ปุรณมี” ที่ปีนี้เหลืออีกแค่ 2 ครั้ง คือวันที่ 19 พ.ย. และ 19 ธ.ค. โดยที่ 19 พ.ย. ลอยกระทง จะ “ขลังที่สุด!!”…

ขลังสุดที่จะทำพิธีขอพรจันทร์ และ “ทำน้ำมนต์”
และก็รวมถึงมีความเชื่อ “อาบน้ำเพ็ญมงคล” ด้วย!!

ทั้งนี้ กับการ “ทำพิธีขอพรจันทร์-ทำน้ำมนต์ฤกษ์ปุรณมี” ที่ตามความเชื่อจะทำควบคู่กันนั้น โดยสังเขป อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ให้ข้อมูลไว้ว่า… “วันที่เกิดปุรณมีควรสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมงคล… ซึ่งแต่โบราณก็มีการประกอบพิธีกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีการตั้งจิตอธิษฐานขอพรต่าง ๆ อันเป็นมงคลจากพระจันทร์…” โดย “วิธีทำน้ำมนต์-ทำพิธีขอพรพระจันทร์” นั้น ก่อนเที่ยงคืนให้ตั้งพิธีทำพิธีในที่โล่งแจ้ง หันหน้าไปทิศตะวันออก จุดเทียนทำน้ำมนต์ ใช้เทียนขาว วางไว้ที่ปากภาชนะทำน้ำมนต์ ให้น้ำตาเทียนหยดลงในน้ำ ระหว่างนั้นท่องคาถากำกับด้วย โดยท่อง… ปุณณจันโท วิชานันเต วิสุทธิสาวโก วโร พุทโธ สัมธัมมรังสี มุนโน มัตถเกสุกังฯ” กำกับ 9 จบ และสวดพระปริตร “อภยปริตร” ด้วยก็จะยิ่งดี

หลังจากทำ-หลังจากท่องคาถากำกับตามที่ระบุมาข้างต้นแล้ว ก็ให้รอจนกระทั่ง เงาของพระจันทร์เคลื่อนมาปรากฏในน้ำ ในภาชนะทำน้ำมนต์ อย่างชัดเจน ซึ่งในบัดเดี๋ยวนั้นก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระจันทร์ ส่วน น้ำมนต์จันทร์เพ็ญนั้น ใช้ประพรม หรือใช้อาบ ทั้งนี้ แต่โบราณมามีความเชื่อว่า… พิธีในคืนเพ็ญ 2 ส่วนที่ทำควบคู่กันนี้ ให้สิริมงคล มีชัยมงคล เป็นเมตตามหานิยม แต่อย่างไรก็ดี ก็มี “เคล็ดสำคัญ” คือ…จะต้องคิดดีทำดี” ด้วย “น้ำมนต์พรจึงจะขลัง!!” ซึ่งหากทำพิธีใน “คืนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12” ก็เชื่อว่าจะ “ยิ่งขลัง” และ “ทำพิธีอาบน้ำเพ็ญ” ด้วย…ก็เชื่อว่า “ยิ่งมีมงคล”

กล่าวสำหรับ “การอาบน้ำเพ็ญ” หรือ “การอาบน้ำจันทร์เพ็ญ” นั้น…ก็ “ยึดโยงกับการทำน้ำมนต์คืนจันทร์เพ็ญ” ซึ่งทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ .ภิญโญ ก็ได้ให้ข้อมูลผ่าน “เดลินิวส์” ไว้ด้วยว่า…การอาบน้ำจันทร์เพ็ญ เป็นความเชื่อของคนแต่โบราณ เชื่อว่าเป็นการนำธาตุน้ำมารับแสงจันทร์ นัยว่าธาตุน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะซึมซับเอาพลังงานจากพระจันทร์ช่วงเต็มดวงไว้อย่างเต็มที่ เชื่อว่าเมื่ออาบจะเป็นสิริมงคล และก็เชื่อว่าจะยิ่งดีหากมีการนำน้ำมนต์ที่ได้บูชามาจากวัดต่าง ๆ วัดเดียวหรือหลาย ๆ วัดก็ได้ ใส่ลงไปผสมเพื่ออาบด้วย เชื่อว่าจะทำให้น้ำนั้นยิ่งศักดิ์สิทธิ์ มากขึ้น

คนแต่โบราณเชื่อกันว่าการอาบน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 วันลอยกระทง จะเป็นมงคลอันสมบูรณ์ยิ่งหนึ่งปีจันทรคติจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น วันเพ็ญเดือน 12 นี้ดวงจันทร์จะได้มาตรฐานเป็นมหาอุจ ในราศีพฤษภ เพ็ญสว่างดวงโตสุกใสมากที่สุดในรอบปี…” …นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติให้ข้อมูลไว้

อีกทั้งยังมีการระบุถึงเรื่องนี้ต่อไปว่า… ใน “หนังสือพระราชพิธี 12 เดือน” ก็มีเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับ “น้ำ” ที่เกี่ยวกับ “จันทร์เพ็ญ” ปรากฏอยู่ด้วย โดยบางช่วงบางตอนนั้นมีว่า… “…วันนี้ ทางศาสนาพราหมณ์เรียกว่า ศิวาราตรี ตอนเช้าพวกพราหมณ์จะนำหม้อทองเหลืองเดินทูนศีรษะไปยังแม่น้ำคงคา นั่งตามริมฝั่งน้ำ แล้วใช้หม้อตักน้ำขึ้นมา บริกรรมคาถา แล้วนำมาล้างหน้าบ้วนปาก จากนั้นก็กระโดดลงไปในแม่น้ำคงคา ดำลงไปในน้ำสามครั้ง โกยดินตมที่อยู่ในน้ำมาฟอกถูตัวแทนสบู่ แล้วจึงใช้น้ำชำระล้างถูตัวให้สะอาด เสร็จแล้วจึงเอาหม้อตักน้ำขึ้นมา นุ่งผ้าให้เรียบร้อย เดินทูนหม้อน้ำมุ่งหน้าสู่เทวสถาน เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป การปฏิบัติเช่นนี้ ถือว่าได้อาบน้ำชำระบาปที่ได้ทำมาทั้งหมด…” …นี่เป็นเรื่องราวในทางศาสนาพราหมณ์

และ .ภิญโญ ยังให้ข้อมูลไว้อีกว่า… คนไทยโบราณนิยมนำ “พิธีอาบน้ำเพ็ญ”เป็นส่วนหนึ่งในประเพณี “ลอยกระทง” เมื่อถึงเที่ยงคืนที่พระจันทร์เต็มดวงตรงศีรษะก็จะลงอาบน้ำเพ็ญในแม่น้ำลำคลอง หรือหากว่าเดือนใดมีพระจันทร์เต็มดวงตรงกับวันจันทร์ก็ใช้วันนั้นได้เช่นกัน ก็ถือว่าเป็นวันพิเศษเช่นกัน เพราะนาน ๆ จึงจะมีวันที่พระจันทร์เต็มดวงตรงกับวันจันทร์สักวันหนึ่ง

การอาบน้ำจันทร์เพ็ญนี้ คนโบราณเชื่อว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นการชำระสิ่งที่ไม่ดี ขจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไปจากร่างกายและจิตใจเชื่อว่าเป็นการสร้างเสริมบารมีและสิริมงคลแก่ชีวิต ชะตาชีวิตจะรุ่งโรจน์ หน้าที่การงานจะประสบความสำเร็จ มีโชคลาภ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม คนที่หน้าตาเศร้าหมองเมื่ออาบน้ำเพ็ญแล้วก็จะหาย เทพช่วยคุ้มครองป้องกัน เสริมสง่าราศีให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ขจัดอำนาจมนต์ดำคุณไสย ขับไล่ภูตผีปิศาจที่แฝงอยู่ในร่างกาย…”

ทั้งนี้ จาก “อาบน้ำเพ็ญ” ตามแม่น้ำลำคลอง ต่อมาก็ยังมีการทำน้ำมนต์คืนจันทร์เพ็ญเพื่อนำมาใช้อาบด้วย อย่างไรก็ตาม หากใครคิดจะ “อาบน้ำเพ็ญเพื่อชำระบาป” ทาง .ภิญโญ ก็สะท้อนข้อมูลกรณีนี้ไว้ว่า… พระพุทธเจ้า ก็เคยถูกพราหมณ์ชักชวนให้ไปอาบน้ำเพื่อลอยบาป ซึ่งพระองค์ก็ได้มีพระดำรัสไว้ว่า… “…ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านอาบน้ำในศาสนาของเราคือมอบความปลอดภัยให้สัตว์ทั้งปวง ไม่พูดคำเท็จ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ลักทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น มีศรัทธา ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว…” …ซึ่งจากพระดำรัสนี้ ทาง .ภิญโญ ก็ยังได้สะท้อนไว้ด้วยว่า…จึงสรุปได้ว่าการอาบน้ำเพ็ญไม่สามารถล้างบาปได้…”

แต่ “อาบน้ำเพ็ญ” เป็น “บูสเตอร์มงคลชีวิต…ก็ได้”
ให้ “เป็นวัคซีนขลัง” นี่ “ก็ลุ้นได้…หากคิดดี+ทำดี”
ปักหมุดชีวิตได้เช่นนี้…ฤกษ์ลอยกระทงดีแน่!!!”.