เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่พีซทีวี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวในเวที “ประเทศไทยมีปัญหา เป็นเวลาของคนไทย ร่วมฟังวาระเพื่อชาติ“ ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะหลอมรวมประชาชนว่า รัฐบาลไทยหน่อมแน้ม อ่อนแอ เขียนแถลงการณ์จากเหตุการณ์ปะทะกันที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี แต่ไม่กล้าเขียนว่าเกิดเหตุบนแผ่นดินไทย แต่ทางกัมพูชาแถลงระบุชัดว่าไทยเปิดฉากยิงก่อน และเขียนชัดว่าพื้นที่ที่ปะทะเป็นของกัมพูชา กล้าเคลมว่าชื่อเตโชมรกตวิลเลจ และรัฐบาลไทยยังจะเจรจา JBC แก้ปัญหาช่องบกในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ แต่กัมพูชาแถลงการณ์ไม่เจรจาด้วย

“รัฐบาลเก่งแต่กับนักข่าว ทำให้ประชาชนไม่มีที่พึ่ง สุดท้ายก็ต้องไปพึ่งทหาร เพราะทหารยืนในหลักการว่าต้องรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ อย่าไปหาว่าเรามาปกป้องทหาร ไม่ใช่ แต่ทหารเขาอยู่ในจุดที่ถูกต้อง เราในฐานะประชาชนคนไทย ที่หวงแหนแผ่นดิน ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนปกป้องแผ่นดิน เราถึงบอกว่าเราไม่ใช่พวกบ้าสงคราม แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการตอบโต้เขา ถ้าอะไรที่ไม่ชัดเจน ถ้ากัมพูชาคุยไม่รู้เรื่อง อะไรที่เคยประกาศความช่วยเหลือ คุณต้องประกาศยกเลิก ถ้าคุยไม่รู้เรื่องต้องประกาศปิดด่าน ถ้าประกาศปิดด่านแล้วยังคุยไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมคุย ก็ต้องรบ เราต้องยืนให้ชัด เพราะมีพวกๆ หนึ่ง พยายามกล่าวหาว่าเราว่าบ้าสงคราม เราไม่ได้บ้าสงคราม แต่เป็นการขยับมาตรการจากไม้อ่อนไปสู่ไม้แข็งเรื่อยๆ ขณะที่การเจรจา ถ้าเจรจากันรู้เรื่องก็จบ ไม่มีใครต้องการสู้รบ แต่เราต้องประกาศความชัดเจนว่าเราไม่ต้องการสงคราม และย้ำว่าศาลโลกเราไม่ไป การปกป้องอธิปไตยไม่ใช่จะต้องมีสงครามเสมอไป” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์จากนี้ เราต้องติดตามวันต่อวัน เพราะจะรู้เลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ตนมีข้อสังเกต 2 มุม 1. มุมธรรมชาติ ถ้าทุกอย่างเป็นธรรมชาติ สถานการณ์ก็จะเขม็งไป 2.แต่ถ้ามีพระเอก คือ สทร. ขี่ม้าขาวโผล่มา แล้วทุกอย่างมันจบนี่คือเรื่องแหกตาประชาชน ตระกูลฮุนกับตระกูลชิน สนิทกันมานาน กอดกันอยู่เรื่อยๆ ทำไมจะต้องมารบกัน หรือกำลังเล่นเกมกับกรณีของแพทยสภา และกรณีของศาลฎีกาฯ อยู่ ดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นกลไกธรรมชาติ เราต้องสู้ แต่ถ้าเป็นเกมการเมืองที่สองตระกูลวางร่วมกัน เราไม่ต้องไปรบกับเขมร สมมุติถ้าเราจับได้ว่า มันเป็นเกมการเมืองระหว่าง 2 ตระกูล เราต้องฆ่าตระกูลนี้ นี่คือสิ่งที่เราสมมุติ เราวิเคราะห์ จุดยืนของเรา คือไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีแพทยสภา กำลังถูกรังแกจากกลุ่มไลน์แพทยสภาหลุดว่า เป็นไลน์ที่หลุดเป็นกลุ่มทั่วๆ ไป มีทั้งแพทย์ทั่วไป และแพทยสภา รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย พื้นที่นี้จึงเป็นพื้นที่สาธารณะของกลุ่มเขา ที่สามารถทบการเมืองได้ กลุ่มไลน์นี้ไม่ใช่ กรรมการแพทยสภา แต่มีการนำภาพบางส่วน มาทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นไลน์กรรมการของแพทยสภาเพื่อรังแกเขา แล้วไปร้องกระทรวงสาธารณสุข แต่เขาไม่รู้ว่าแพทยสภา มีข้อบังคับแพทย์สภาว่าด้วยจริยธรรมระบุไว้ จำนวน 26 ข้อ ว่าทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ดังนั้น ในข้อบังคับจริยธรรมที่จะลงโทษแพทย์ที่มีความผิดจริยธรรม ไม่ได้มีข้อห้ามความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้นไม่มีสิทธิไปร้องเขาเลย ในจริยธรรมทางการแพทย์ 

“วันนี้ สส. ก็ห่วย สว. ก็เฮงซวย เพราะฮั้วกันเข้ามา สุดท้ายประชาชนต้องช่วยกันออกแบบประเทศไทยครั้งใหม่” นพ.วรงค์ กล่าว.