สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่าสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนออกแถลงการณ์ ว่าการส่งออกของประเทศเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ชะลอตัวจากอัตรา 8.1% เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และต่ำกว่าคาดการณ์ของบลูมเบิร์กซึ่งระบุไว้ที่ 6%
ขณะที่การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ลดลงเกือบ 12% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เพิ่งประกาศมาตรการภาษีต่างตอบแทน ก่อนระงับในเวลาต่อมา
In May, China's exports to the US fell nearly 12% from April.
— DW News (@dwnews) June 9, 2025
The report of the slowdown comes just hours before another round of trade talks between US and Chinese officials in London.https://t.co/PsJEUn3cxe
ในทางกลับกัน ข้อมูลศุลกากรของจีนระบุว่า การส่งออกไปยังเวียดนามเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. ด้านการส่งออกไปยังประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ลดลงเล็กน้อย หลังพุ่งสูงเมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งการที่จีนเร่งส่งออกไปยังเขตเศรษฐกิจอื่น ช่วยรักษาเสถียรภาพให้การส่งออกของประเทศยังคงแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ท่ามกลางสงครามการค้า
ส่วนสถิติการนำเข้ารวมของจีนเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ลดลง 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแย่กว่าการคาดการณ์ของบลูมเบิร์ก ที่ระบุว่าจะลงเพียง 0.8% สะท้อนแนวโน้มการค้าของจีน “ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง” จากการที่บรรยากาศการบริโภคภายในประเทศยังซบเซา และผู้ซื้อจากต่างประเทศเร่งสั่งสินค้าล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าซึ่งอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต.
เครดิตภาพ : AFP