เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์  ภัยหลีกลี้  กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีทีมงานนายกรัฐมนตรีถ่ายภาพสื่อมวลชนขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยตั้งถามคำถามกับนายกฯ เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จนสมาคมนักข่าวต้องออกแถลงการณ์เตือน ว่า โดยปกติเรื่องสิทธิเสรีภาพการแสดงออก  สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน เป็นเรื่องที่กฎหมายระหว่างประเทศก็ให้ความคุ้มครองโดยเฉพาะกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง  สิทธิทางการเมือง ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญของไทย ก็ให้ความคุ้มครองเสรีภาพในการสื่อสาร  เสรีภาพสื่อมวลชน การคุกคามหรือกระทบต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน ไม่ได้กระทบเพียงผู้ทำหน้าที่ในการสื่อสาร แต่จะส่งผลไปถึงประชาชนผู้รับรู้ข่าวสารข้อมูลด้วย 

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า เหมือนคำพูดที่ว่าการปิดปากสื่อหรือปิดหูปิดตาสื่อ เท่ากับเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนไปด้วย ดังนั้นตนคิดว่าการทำงานร่วมกันระหว่างแหล่งข่าวหรือฝ่ายการเมืองกับสื่อ ต้องให้ความเคารพซึ่งกัน และต้องคำนึงถึงเสรีภาพในการสื่อสาร  เสรีภาพในการแสดงออก กรณีนี้หากมีการถ่ายรูปของผู้สื่อข่าวแล้วนำไปเผยแพร่เพื่อให้มีการวิพากษ์วิจารณ์หรืออาจทำให้มีการคุกคาม  ทำให้ผู้สื่อข่าวหวาดกลัว เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ถือว่ากระทบต่อเสรีภาพในการสื่อสารของสื่อมวลชนของประชาชน  

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า กสม. ได้ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในหลายประเด็น เสรีภาพสื่อก็เคยมีเรื่องการร้องเรียนเข้ามาอยู่บ้าง กสม. ก็ได้มีการตรวจสอบ หรืออาจจะมีการร้องเรียนสื่อไปกระทบกับสิทธิของผู้อื่น เช่น ผู้ต้องหา ซึ่งกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาหรือไม่ หากมีเรื่องร้องเรียน กสม.ก็จะพิจารณาและดำเนินการ และหากเห็นว่าสมควรหยิบยกขึ้นมาดำเนินการก็อาจจะเป็นอีกทาง แต่เท่าที่ทราบองค์กรวิชาชีพก็ได้มีท่าทีและมีข้อเสนอแนะไปทางผู้เกี่ยวข้องขอให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะอาจจะเข้าข่ายเป็นการคุกคามสื่อมวลชนและกระทบกับเสรีภาพของสื่อมวลชน