นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายเร่งจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย 5 ด้าน ได้แก่ 1.การป้องกันการจดทะเบียนบริษัทนอมินี 2.การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 3.การป้องกันการสวมสิทธิแอบอ้างเป็นสินค้าไทย 4.การป้องกันโรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และ 5.การป้องกันการถ่ายลำสินค้า 

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการเร่งปฏิบัติตาม โดยในการรับมือกับการไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ ได้มีการลดระยะเวลาการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าให้เหลือไม่เกิน 1 ปี และจับมือภาคเอกชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาใช้มาตรการเซฟการ์ดป้องกันตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 

“นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดระเบียบสินค้านำเข้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมอบหมายงาน และรายงานผลต่อคณะกรรมการฯ โดยเร็ว และในต้นสัปดาห์หน้า ให้จัดประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนข้อสังการของนายกรัฐมนตรีให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป”

สำหรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดำเนินการเร่งด่วน เช่น กรมการค้าต่างประเทศประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ใช้กฎหมายกับอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบคุณภาพสินค้าในเขตฟรีโซน ประสานกรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานและสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ประกอบการ พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการถ่ายลำสินค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ เป็นต้น 

นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุด ได้บูรณาการกับกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบ สืบสวนสอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี โดยมีนิติบุคคลเป้าหมายจำนวน 46,918 ราย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย  

ส่วนผลการทำงานตั้งแต่เดือน ก.ย. 67-พ.ค. 68 หน่วยงานภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287 ล้านบาท และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท และมีการใช้มาตรการแจ้งเตือนให้ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์กว่า 14,976 รายการ และดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท