สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่ามหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์เปิดเผยว่า งานวิจัยใหม่นี้เน้นไปที่ยีนทีเอเอส2อาร์38 ( TAS2R38 ) ซึ่งเป็นยีนที่กำหนดว่า บุคคลจะรับรู้รสขมในอาหาร อาทิ บรอกโคลี หรือกะหล่ำดาว ได้เข้มข้นแค่ไหน ซึ่งราว 70% ของประชากรโลกจะมียีนนี้อย่างน้อยหนึ่งชุด และผู้ที่มียีนสองชุดจะรับรสขมได้มากที่สุด ซึ่ง “ยีนลิ้นไวพิเศษ” นี้อาจวิวัฒนาการขึ้นมา เพื่อช่วยให้มนุษย์ยุคแรกหลีกเลี่ยงพืชที่มีพิษผ่านการรับรู้จากรสขม


นายแดเนียล ฮวาง หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุลแห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมเกือบ 5 แสนคนจากยูเค ไบโอแบงก์ ( UK Biobank ) ฐานข้อมูลชีวการแพทย์ขนาดใหญ่ โดยตรวจสอบทั้งความชอบอาหารและผลลัพธ์ด้านสุขภาพ และพบว่าผู้ที่มียีนทีเอเอส2อาร์38 มักหลีกเลี่ยงอาหารรสขม อาทิ ฮอร์สแรดิช เกรปฟรุต และแอลกอฮอล์ แต่จะชอบอาหารที่มีรสอ่อนกว่าอย่างแตงกวาและเมลอน แม้เติมเกลือในอาหารน้อยกว่า แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับบริโภคเกลือโดยรวมมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพไต


การศึกษาดังกล่าว ซึ่งเผยแพร่ในวารสารโภชนาการยุโรป ( European Journal of Nutrition ) ยังพบความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมระหว่างยีนดังกล่าว กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคอารมณ์สองขั้ว ซึ่งเป็นภาวะที่อารมณ์แปรปรวนอย่างมากระหว่างช่วงร่าเริงและช่วงซึมเศร้า

อยึ่ง ข้อดีของผู้ที่มียีนนี้คือมีจุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรงกว่า โดยมีแบคทีเรียพาราแบคทีรอยเดส ( Parabacteroides ) ในระดับที่สูงกว่า ซึ่งเชื่อมโยงกับการลดการอักเสบในลำไส้.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES