นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของ “(ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์” ฉบับแรกของประเทศไทย ว่า ขณะนี้ได้ปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา โดยจะมีการรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มาพิจารณา และจะมีการเปิดเผยแนวทางของกฎหมายอย่างเป็นทางการภายในงานในเวทีนานาชาติ The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่ประเทศไทย ร่วมกับ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก ) จะเป็นเจ้าภาพใน ระหว่างวันที่ 24–27 มิ.ย.นี้ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากนั้นจะมีการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“สำหรับเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายเอไอ ฉบับนี้ จะเน้นไปที่การกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของระบบ เอไอ การจัดการข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา และการแบ่งระดับความเสี่ยงของระบบ เอไอ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ที่ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและละเอียดอ่อน ซึ่ง การออกกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้ตั้งใจทำให้กฎหมายนี้เป็นกำแพง หรืออุปสรรคในการใช้งนและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ แต่ต้องการให้คนไทยทำงานด้าน เอไอ ได้มากขึ้น ไม่ใช่ถูกบีบออกจากระบบ กฎหมายนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองข้อมูลและการส่งเสริมนวัตกรรม ไม่ได้เป็นการออกกฎหมายเพื่อปิดกั้นการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีเอไอ”
นายวิศิษฏ์ กล่าวต่อว่า ในระยะเริ่มต้น ภาครัฐได้เริ่มใช้เทคโนโลยีเอไอ ในกระทรวงดีอี พบว่าประสิทธิภาพของการใช้ เอไอช่วยตรวจจับและจัดการเว็บไซต์ผิดกฎหมายดีขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทำงานปิดเว็บได้ประมาณ 3,000 เว็บไซต์ต่อสัปดาห์ แต่ปัจจุบันเมื่อนำเอไอมาใช้งานแล้วสามารถปิดได้ถึง 3,000 เว็บไซต์ต่อวัน สามารถช่วยลดระยะเวลาการใช้คนทำงานได้ถึง 7 เท่า ซึ่งสะท้อนศักยภาพของเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบราชการไทย ภาครัฐจึงต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนว่า เทคโนโลยีเอไอไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่การจะเดินหน้าใช้งานให้ปลอดภัย ต้องมีมาตรฐานกลาง และต้องไม่ให้ต้นทุนทางกฎหมายกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตด้วย