เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ หรือ ดร.ปราบ อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครนนทบุรี โพสต์เฟสซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า แถลงการณ์กลุ่มปราบเปลี่ยนนครนนท์ ระยะเวลาที่ผ่านมา ผมนายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ (ดร.ปราบ) และสมาชิกกลุ่ม “ปราบเปลี่ยนนครนนท์” ได้ร่วมสะท้อนปัญหาประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี จัดทำนโยบายเพื่อประชาชน และได้เข้าเป็นผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลนครนนทบุรี ในนามพรรคประชาชน ผมมีความสุข ยินดีที่ได้ทำในสิ่งที่รัก มีอุดมการณ์ที่แท้จริง ได้พบมิตรภาพ เพื่อนร่วมทาง และประชาชนที่ให้การสนับสนุนทั้งในตัวผม และพรรคประชาชน ผมมีความตั้งใจ มุ่งหวังทำนโยบายสาธารณะ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนจากใจจริง ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง การเลือกตั้งที่ผ่านมาทีมผมในนามพรรคประชาชน แม้ตัวผู้สมัครนายกฯจะไม่ได้รับเลือกตั้ง แพ้ไปสี่พันกว่าคะแนนก็ตาม แต่พรรคเราได้ สท.มาถึง 16 จาก 24 คน ผมยินดีและดีใจที่การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกสามารถร่วมกันในทีมผลักดันได้ สท.เป็นส่วนใหญ่ของสภา
ซึ่งวันที่ 9 มิ.ย.68 สภาเทศบาลนครนนทบุรีเปิดลงมติเลือกประธานสภาฯ รองประธานฯ และเลขาฯ ในครั้งแรก มีสท.รวม 23คน (ถูกตัดสิทธิ์ไป1 คน) ทำให้เราต้องการคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 12 คน ในระหว่างการพิจารณาลงมติเลือกประธานสภาฯ ผลปรากฎว่ามี สท.นครนนท์ กลับเสนอชื่อสวนมติพรรคที่ให้ส่ง ว่าที่ร.ต.ทศพร สะและสกุล สท.เขต 1 ชิงตำแหน่งประธานสภา, รองประธานสภา และเลขาฯส่ง นายอนุสรา มู่ฮัมหมัด กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดคือ สท.พรรคประชาชนเขต 3 โดย นายสาคร เกษแก้ว ได้เสนอชื่อ สท.สมพงษ์ เทียนเงิน สท.เขต 3 พรรคเดียวกัน สวนมติพรรคที่ให้ว่าที่ ร.ต.ทศพร สะและสกุล เป็นประธาน
ผลปรากฎว่าตัวแทนพรรคแพ้ไป 11 ต่อ 12 ทั้งระหว่างการลงมติ สท.สมพงษ์ เทียนเงิน ก็มิได้ถอนตัวจากการชิงประธานสภาฯจากพรรคเดียวกัน การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการขัดต่อบันทึกข้อตกลงอาจส่งผลในเรื่องปัญหาด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมถึงกรณี สท.เขต 3 นายสุทธินันท์ รักษาภาค พรรค ปชน. เสนอชื่อ นายภรัณ วรวรรณปรีชา เข้าชิงประธานสภาฯ ซึ่งสวนกับมติพรรคอีกเช่นกัน แต่ในระหว่างการลงมติ นายภรัณ ได้ขอถอนตัวออกไป
ภายหลังเหตุการณ์ลงมติสิ้นสุดลง เลขาธิการพรรคประชาชนได้ติดต่อมาที่ผม ซึ่งผมได้แจ้งถึงความไม่สบายใจของทีมไป และทวงถามแนวปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกันในวันทำ MOU ว่าพรรคจะดำเนินการเรื่องจริยธรรม การลงโทษที่เหมาะสมกรณีมีผู้ฝ่าฝืน ท่านได้ชี้แจงว่าผมไม่ควรมีปัญหากับกลุ่ม สท.ผู้กระทำการสวนมติและประธานสภาที่ไม่เป็นไปตาม MOU เพราะจะเป็นการผลักให้สท.ที่โหวตสวนมติไปอยู่อีกฝ่าย และไม่ได้ประโยชน์อะไร ทั้งแนะนำผมว่าที่ผ่านมาไม่ควรออกคลิป live สด การลงมติในวันเวลาดังกล่าวต่อสาธารณะ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ประโยชน์อะไร และมีอีกหลายประเด็นที่ท่านพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ
ผมเห็นว่าการกระทำของผมนั้นเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ต่อสาธารณะ ให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเพราะประชาชนเป็นผู้ลงคะแนนให้เพราะประชาชนใหญ่กว่าพรรค การตั้งกติกาข้อตกลง(MOU) มีไว้เพื่อให้ได้ข้อยุติจากความเห็นที่แตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้ในหลักประชาธิปไตยสากล การเคารพและดำรงไว้ซึ่งกติกาซึ่งคือมติพรรคได้มาด้วยการโหวตร่วมกันของสท.ในนามพรรคประชาชน จัดทำโดยประชาชน เพื่อประชาชน พรรคจึงควรมีกลไกที่ปกป้องผู้ที่เคารพและปฏิบัติตามกติกาที่พรรคกำหนด ไม่ใช่การทำเพื่อผลประโยชน์อื่นใด
เพราะถ้าไม่มีมาตรการลงโทษหรือมาตรการอื่นใดออกมาจากทางพรรค อาจทำให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยได้ว่าการการนิ่งเฉยนั้นพรรคอาจมีส่วนรู้เห็น หรืออาจเป็นการปกป้องผู้โหวตกระทำการขัดมติพรรค (MOU) อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาระหว่างสมาชิก และประชาชน ว่าพรรคยอมรับได้กับกรณีนี้ ทั้งในอนาคตก็จะไม่สามารถควบคุมผู้เข้ามาสมัครในนามพรรคแล้วทำการโหวตสวนมติได้ ดังเช่น กรณี สส.ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ผมจึงได้เสนอแนวทางการแก้ไขให้ท่านเลขาธิการพรรคพิจารณา เมื่อพรรคมีความเห็นที่แตกต่างไป ผมเคารพและยอมรับในความเห็นที่แตกต่าง และขอขอบคุณที่ได้ให้โอกาสผมร่วมทางกันมา แม้จะเป็นช่วงระยะไม่นาน แต่นานพอจะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงการดำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและความถูกต้อง ในสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ของพรรคประชาชน
วันนี้เมื่อทางพรรคมีความเห็นที่ให้กลุ่มผมทำงานร่วมกับกลุ่มสท.ผู้กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค ผมเคารพและมีความเสียใจที่ไม่อาจปฏิบัติตามได้ ไม่อาจผิดต่ออุดมการณ์ที่ซื่อตรง ไม่สามารถประนีประนอม เจรจาและทำงานร่วมกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ทำการฝ่าฝืนมติพรรคได้ เช่นเดียวกันกับในอดีตที่ทางพรรคไม่สามารถประนีประนอมกับกลุ่มการเมืองในอดีตที่ไม่ชอบธรรมและไม่เข้าร่วมรัฐบาล ผมจึงตัดสินใจขอเป็นฝ่ายถอยออกมาด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง และผิดหวังอย่างที่สุด อย่างไรก็ตามทาง สท. และกลุ่ม “ปราบเปลี่ยนนครนนท์” ยังรักและเคารพในอุดมการณ์ของพรรคประชาชน พร้อมสนับสนุนการทำงานของพรรคประชาชนในทุกมิติที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงทุกเรื่องไปโดยไม่มีเงื่อนไข ท้ายนี้ผมขอประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคประชาชน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป