เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาที่พำนักหรือทำงานอยู่ในประเทศไทยทยอยเดินทางกลับประเทศโดยสมัครใจ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังไม่มีท่าทีจะคลี่คลายลงในเร็ววัน

ในแถลงการณ์ระบุว่า ทางการกัมพูชาพร้อมให้การต้อนรับแรงงานกลับประเทศ โดยไม่คำนึงถึงสถานะเอกสาร และยืนยันว่าจะจัดหางานหรือสร้างอาชีพรองรับ เพื่อให้พลเมืองกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคงในประเทศ ท่ามกลางกระแสวิตกจากฝั่งแรงงานว่าไทยอาจออกมาตรการเข้มงวด หากข้อพิพาทชายแดนยืดเยื้อ

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก พบว่าแรงงานส่วนใหญ่ยังไม่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศในช่วงนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในไทยมานานและมีภาระครอบครัวต้องดูแล

นายโต ราย อายุ 42 ปี แรงงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ในย่านซอยวัดด่านสำโรง เผยว่า ตนพำนักอยู่ในประเทศไทยมากว่า 12 ปี เนื่องจากมีรายได้ดี และได้รับการดูแลอย่างยุติธรรมจากนายจ้าง แม้รัฐบาลกัมพูชาจะขอให้เดินทางกลับ แต่ตนยังต้องการทำงานต่อเพื่อส่งเงินกลับบ้าน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งสองประเทศใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา

ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ จั่นเคลือบ อายุ 58 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งดูแลแรงงานกัมพูชาจำนวน 22 คน เปิดเผยว่า แรงงานเหล่านี้มีความขยันขันแข็ง และร่วมงานกันมาอย่างยาวนาน โดยบางคนทำงานร่วมกันมานานกว่า 8 ปี หากต้องเดินทางกลับประเทศจะส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างที่ขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว พร้อมเสนอให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาเร่งหาทางออกผ่านการเจรจา

ด้านนางสาวกัญญดากร เรืองฤทธิ์ เจ้าของร้านแก๊สหุงต้มในพื้นที่บางปู กล่าวว่า ตนมีแรงงานชาวกัมพูชาทำงานอยู่ 2 คน ซึ่งเป็นคนขยัน ไม่เกี่ยงงาน และทำงานร่วมกับคนไทยได้ดี หากต้องเดินทางกลับ จะสูญเสียแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนาน พร้อมฝากถึงผู้นำทั้งสองชาติให้หันหน้าหารือโดยยึดหลักสันติภาพและคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางของการแก้ปัญหา

สถานการณ์ดังกล่าวยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อแรงงานและภาคเศรษฐกิจ หากการเจรจาระหว่างรัฐบาลทั้งสองยังไร้ข้อยุติ.