เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 68 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเผยเหตุการณ์สุดช็อก หลังถูกไฟดูดขณะยื่นมือกดบัตรจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ทั้งที่ยังไม่สัมผัสตัวเครื่อง มีอาการแขนขาชา จี๊ดขึ้นศีรษะ ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาเปิดไม้กั้นล่าช้า อีกทั้ง เธอร้องขอความช่วยเหลือที่ Customer Service ก่อนถูกส่งตัวไป รพ.คู่สัญญา แต่หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ และให้กลับบ้าน แม้อาการยังไม่ดีขึ้น กระทั่งต้องไป รพ.อื่นเองในวันรุ่งขึ้น พบอาการทรุดลง มีการรักษาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แม้ห้างรับทราบเหตุการณ์ แต่ยังไม่มีการรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรม อ้างรพ.ไม่ใช่คู่สัญญา ต้องให้ลูกค้าเดินเรื่องเอง ขณะนี้ผู้เสียหายยังมีอาการปวดหัวเรื้อรัง เป็นลมบ่อย ทำให้ต้องหยุดงาน สูญเสียรายได้และสุขภาพ

โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “เมื่อฉันโดนไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติที่ห้างดัง เข้าออก รพ. หลายวัน มารู้ตอนหลังว่าฉันไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่โดนไฟดูดจากตู้กดบัตรของห้างนี้ เพื่อนบอกเคยเห็นมีควันออกมาจากตู้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ตอนบ่ายๆ ตอนขับผ่านเครื่องกดบัตร ก็ลดกระจกเอามือไปโบกหน้าเครื่อง (ระบบเซ็นเซอร์) แต่ตอนเอามือยื่นออกไปยังไม่แตะเครื่องเลย รู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว แล้วก็ชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด (คิดว่าไฟฟ้าในเครื่องมันน่าจะขัดข้อง) ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรงนั้นเลย บีบแตรไปหลายทีมาก กว่าจะมีเจ้าหน้าที่มา ไม่กล้ากดปุ่ม SOS บนเครื่องด้วย กลัวไฟดูดรอบ 2”
อีกทั้ง “พอเจ้าหน้าที่มาก็โวยวายบอกว่า “ไฟมันดูดค่ะๆ” แต่เขาไม่สนใจมาเปิดไม้กั้นให้ไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด แล้วรีบเดินไปที่ “customer service” ที่ซุปเปอร์ไปขอความช่วยเหลือ เพราะชาไปครึ่งตัวแล้วตอนนั้น เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นาน ไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ ตอนนั้นแขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไป รพ. ที่มีสัญญากับห้าง ไป รพ. ตอนแรกก็เบาใจละ ถึงมือหมอแล้วแต่เปล่าเลย หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอเลยบอกให้กลับบ้านไปได้ แต่ความชายังไม่หาย แขนก็ยังไม่มีแรงเซ็นเอกสารเลย ขอให้หมอสั่งยากลับบ้านให้ หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆเหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ทำไรไม่ได้เลยกลับบ้านไปวันนั้น”
นอกจากนี้ “กลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย จะหายเองจริงๆเหรอ เย็นกลับบ้านก็กินยาคลายเนื้อเอง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย อาการมาจัดเต็ม ปวดชา ปวดจี๊ดขึ้นหัว นอนไม่ได้เลยทั้งคืน ตอนนั้นอยากเรียกรถพยาบาลไป รพ. มาก แต่ไม่อยากให้ใครที่บ้านรู้เรื่อง เลยทนไปจนเช้า ตอนเช้าตัดสินใจย้าย รพ. เอง ไม่ไปแล้วที่เดิม ประกันห้างไม่จ่ายก็ช่างแล้ว ทรมานมาทั้งคืน กระจกตาอักเสบก็กำเริบ ตาเริ่มมองไม่ชัด 1 ข้าง เพราะภูมิตก แต่ก็กัดฟันขับรถไป รพ. เอง ความจำเลือนๆ คือ พยาบาลหามเข้าห้องฉุกเฉินเลยหลังจากไปถึงหมอเห็นอาการหนักเลยเจาะเลือดตรวจ แล้วก็ฉีดยาแก้ปวดรุนแรงให้ ซักพักมึนๆแล้วก็สลบไป”
อย่างไรก็ตาม “จนจะเที่ยงแล้ว เจ้าหน้าที่ห้างบอกจะโทรศัพท์มาติดตามอาการ และพร้อมดูแลทุกเรื่อง ก็ยังเงียบกริบ (เขาบอกจะโทรศัพท์มา 10.00 น.) แฟนก็แอบโทรไปวีนห้างตอนที่เราหลับ ประมาณบ่ายเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาบอกว่า รพ. ที่เราไปไม่ใช่คู่สัญญาของห้าง น่าจะเบิกได้แต่ช้า ลูกค้าเอาเอกสารมาเดินเรื่องเองที่ห้างนะคะ ตอนนี้ยังหลอนกับห้างเธออยู่เลยค่ะ จะให้ไปเดินเรื่องเองคงไม่ หลังจากนั้นก็ทรมานกับการปวดหัวเรื่อยมา เป็นลมฟุบไปบางช่วงเวลาของวันก็มี ทำงานไม่ได้เลย ต้องทิ้งงานประมูลไป 2 งานเพราะยื่นโปรเจคงานดีไซน์ที่ออกแบบมาเป็นเดือนไม่ทัน (อีกนิดจะเสร็จแล้ว) กินข้าวไม่ได้ นอนก็ต้องกินยาช่วย ชีวิตพังจริงๆช่วงนี้ มีคนแนะนำให้ไปแจ้งความ ฟ้องเรียกค่าเสียหายเลย แต่ต้องรอสติกลับมาก่อนนะ”
ขอบคุณข้อมูล : ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง