สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) ระบุว่า หน่วยงานจะจัดหาเงินทุน 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 943,700 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.43 ล้านล้านบาท) ที่ขอไปเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว

ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ประกาศในเวลาต่อมาว่าจะเลิกจ้างพนักงาน 3,500 คน และลดต้นทุนแรงงาน 30% เนื่องจากเงินทุนช่วยเหลือลดลงอย่างมาก

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐ ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ลดความช่วยเหลือต่างประเทศอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดหายนะในภาคส่วนมนุษยธรรมทั่วโลก อีกทั้งประเทศผู้บริจาครายใหญ่อื่น ๆ ก็ตัดเงินบริจาคเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

“การตัดเงินทุนอย่างรุนแรง ทำให้เรามีทางเลือกที่โหดร้าย ซึ่งสิ่งที่เราขอมีแค่เงิน 1% ของสิ่งที่คุณเลือกใช้จ่ายไปกับสงครามในปีที่แล้ว” นายทอม เฟลตเชอร์ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรมและผู้ประสานงานการบรรเทาทุกข์ในกรณีฉุกเฉิน ของโอซีเอชเอ กล่าวในแถลงการณ์

แม้ปี 2568 ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ยูเอ็นได้รับเงินสนับสนุนเพียง 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 182,000 ล้านบาท) เท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 13% ของเงินทุน 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ต้องการสำหรับปีนี้

อนึ่ง แผนการเดิมของยูเอ็น ครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศ และมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มเปราะบาง เกือบ 190 ล้านคน แต่ถึงอย่างนั้น หน่วยงานยอมรับว่าแผนการดังกล่าว ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนราว 115 ล้านคนได้ ซึ่งเฟลตเซอร์กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ความช่วยเหลือจะได้รับการจัดการ เพื่อทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนและสถานที่ซึ่งมีความต้องการเร่งด่วนที่สุด.

เครดิตภาพ : AFP