ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสมุทรสามัคคี อบจ.สมุทรสงคราม ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ได้จัดประชุมเรื่องการจัดการประชากรสุนัขจรจัดและกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านการจัดการประชากรสุนัขที่เป็นพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้า และการสร้างภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ ภายใต้โครงการ”การจัดการประชากรสุนัขจรจัดประเทศไทย” หรือ CNVR-Thailand โดยนายเจษฎา ญาณประภาศิริ นายก อบจ.สมุทรสงคราม น.ส.ปรียา สิงหาเจริญ รองนายก อบจ.นายณัฐพงษ์ งามสง่า สมาชิก ส.อบจ. และนายสัตวแพทย์ตันติกร รุ่งพัฒนะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการประชากรสุนัขและแมวประเทศไทย มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ร่วมลงนาม มีนายกและสมาชิกสภา ตลอดจนตัวแทนจากเทศบาล และ อบต.ทั้ง 35 แห่งในจังหวัดเกือบ 100 คนร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับสาระสำคัญใน MOU ฉบับดังกล่าวมีเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การจัดการประชากรสุนัขที่เป็นสัตว์พาหะนำโรคและจัดสวัสดิภาพของสุนัขในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม นอกจากนี้ยังเพื่อให้ความรู้ คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ประชาชนในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และส่งเสริมยุทธศาสตร์การกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดภายในปี 2571 ตามโครงการ”สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากพิษสุนัขบ้า” ตามพระปณิธานของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน์ วรขัตติยราชนารี

นายเจษฎา ญาณประภาศิริ นายก อบจ.สมุทรสงครามกล่าวว่าโครงการนี้ อบจ.เป็นแนวร่วมช่วยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยมูลนิธิจะเข้ามาทำหมันสุนัขให้ถึงพื้นที่ ซึ่ง อบจ.รับผิดชอบเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าจะมีการทำหมันสุนัขจรจัดเมื่อไหร่และที่ไหน แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาส่วนหนึ่งของสุนัขจรจัดมาจากการถูกทิ้งขว้าง เหตุเพราะไม่สวย ไม่น่ารักแล้วก็ถูกเอามาทิ้งตามข้างทางจนเกิดการผสมพันธุ์ขยายประชากรแล้วเกิดปัญหาต่างๆที่มีผลกระทบกับประชาชนตามมา การทำโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อแค่ทำหมันควบคุมประชากร แต่ฝากให้ทาง อบต.สร้างจิตสำนึกและทำความเข้าใจกับประชาชนด้วยว่า ไม่ควรปล่อยหรือทิ้งขว้างสัตว์เลี้ยงเพราะทำให้เกิดภาระแก่สังคม

นายณัฐพงษ์ งามสง่า กล่าวว่าสุนัขจรจัดใน จ.สมุทรสงครามปัจจุบันคาดว่ามีประมาณ 2 หมื่นตัวที่ผ่านมามีโครงการทำหมันต่อเนื่องและทำไปแล้วประมาณ 4,000 ตัว ปัญหาของสุนัขจรจัดหลักๆคือการเพิ่มจำนวนขึ้นเพราะไม่มีการคุมกำเนิด พอประชากรมากก็ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เช่น วิ่งไล่รถจักรยานยนต์วิ่งตัดหน้ารถทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือออกมาเห่าและวิ่งไล่ชาวบ้านตามทางสาธารณะ จึงต้องเร่งทำหมันให้ได้อย่างน้อยพื้นที่ละ 80% นอกจากนี้การทำหมันยังมีข้อดีคือลดพฤติกรรมก้าวร้าวของสุนัขลงได้

นายจิรัฏฐ์ เหลียวตระกูล โลจิสติกส์เมเนเจอร์มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย กล่าวว่า การลงพื้นที่ทำหมันเป็นการสนับสนุนของมูลนิธิโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากทำหมันแล้วยังฉีดวัคซีนให้ด้วยเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและโรคอื่นๆ รวมทั้งจัดทำทะเบียนประชากรสุนัขในพื้นที่เป็นข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บริหารจัดการต่อไป ส่วนขั้นตอนนั้นมูลนิธิจะสำรวจก่อนว่าแหล่งอาศัยของสุนัขจรจัดอยู่ที่ใดแล้วให้ อบจ.ประสาน อบต.อำนวยความสะดวกทีละตำบล โดยทำหมันวันละประมาณ 40 ตัว และทำหมันให้ได้ 80% จึงย้ายไปพื้นที่อื่น โดยจะเริ่มที่เทศบาลบางนกแขวก อ.บางคนที ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป