เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำโดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการ ร่วมประชุมกับ ว่าที่ ร.ต.กรกฎ ประเสริฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการ จ.อุบลราชธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาความต้องการด้านพื้นที่เส้นทางความมั่นคงทางชายแดน ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ที่ห้องประชุมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) โดยภารกิจของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลฯ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.2 ล้านไร่ จากข้อมูลสถานการณ์การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า พบว่า สถิติคดีการกระทำความผิดกฎหมายป่าไม้ ปี 2554-2568 ในภาพรวม ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีจำนวนทั้งหมด 5,790 คดี แบ่งเป็นผู้ต้องหาชาวไทย จำนวน 2,142 ราย ชาวกัมพูชา จำนวน 2,742 ราย และชาวลาว จำนวน 148 ราย

โดยส่วนใหญ่ค้าไม้พะยูง และไม้ประดู่ โดยปัจจัยหลักของการลักลอบการตัดไม้ทำลายป่า เกิดจากความไม่แน่ชัดของแนวหลักเขตแดนทางบก มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก บางพื้นที่มีการซ่อนวัตถุระเบิด/สนามทุ่นระเบิด และกองกำลังติดอาวุธและรุกล้ำดินแดน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหา อาทิ การจัดตั้งกองอำนวยการยุทธการสนธิป้องกันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด/จุดเฝ้าระวัง พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน และลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) ในพื้นที่เสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
จากนั้น คณะได้ลงพื้นที่ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา โดยมี นายทวีศักดิ์ ทรงอยู่ รองผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.รุ่งอาทิตย์ กุดสารี หัวหน้าฝ่ายยุทธการหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 (กองสุรนารี) หัวหน้าป้องกันรักษาป่าที่ ศก.4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ในการนี้ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมบริเวณภายในพื้นที่ดังกล่าว

ในการนี้ ทางคณะเดินทางได้ให้กำลังใจหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งข้อเสนอแนะโดยเฉพาะการผลักดันและสนับสนุนงบประมาณในทุกมิติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนการป้องกันและมาตรการในเชิงรุกอย่างรอบด้าน การสนับสนุนระบบสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกด้านความมั่นคงในการป้องกันและดูแลรักษาพื้นที่ป่า เพื่อให้เกิดการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับสำหรับใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.