เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต สส.สุโขทัย 2 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า นาทีนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องถอนตัวการร่วมรัฐบาล และต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เพราะสถานการณ์ตอนนี้บ้านเมืองไปไม่ไหวแล้ว เพราะไปที่ไหน ไปคุยกับใคร ตั้งแต่ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน กลุ่มเกษตรกร ร้านค้า ร้านขาย ข้าราชการ พ่อค้า หรือประชาชนทั่วๆ ไปก็ด่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เพราะ 1.รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีขาดความรู้ ความสามารถ ขาดการเป็นภาวะผู้นำประเทศ ไร้เดียงสา ไม่มีประสบการณ์ 2.ไม่สามารถปกป้องประเทศได้ ให้กัมพูชา ข่มขู่ เหนือประเทศไทย 3.การบริหารประเทศและเศรษฐกิจล้มเหลวที่สุด ยิ่งกว่ายุคไอเอ็มเอฟ 4.เรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลว นายใหญ่ทำตัวเหนือกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
นายสัมพันธ์ ระบุอีกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวออกมา จะมีบวกมากกว่าลบ มีผลดี และที่สุดก็จะทำให้เสียงของพรรคกระตุ้นขึ้นมาได้ ในฐานะที่ตนเคยเป็น สส. ปี 2550-2554 และปี 2554-2557 อยู่ในพื้นที่กับชาวบ้านมาตลอด ทั้งนี้ ตนได้รอฟังการประชุมคณะกรรมการผู้บริหารพรรคว่าจะออกมาในทิศทางใด ซึ่งผลสรุปมติเสียงข้างมากว่าให้อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป แสดงให้เห็นว่ากรรมการบริหารพรรค สมาชิก และ สส. ของพรรคหลายๆ คน ไม่ยอมฟังเสียงประชาชนข้างนอก
“จากการที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น และอยู่ต่อไปอย่างไม่ใยดีที่มีความรู้สึกกับประชาชน สมาชิกพรรค และเอฟซีของพรรค จึงคิดหวังแต่จะเป็นรัฐมนตรีหรือได้เพิ่มโควตาอีก โดยไม่มองจุดยืนพรรค อุดมการณ์พรรค และอนาคตของพรรคที่จะเดินไปข้างหน้า ผมจึงไม่อาจฟังเสียงวิจารณ์ เสียงด่าที่กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์เสียๆ หายๆ ได้ กระผม นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตลอดชีพ จังหวัดสุโขทัย ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ขอลาออกจากสมาชิพรรคประชาธิปัตย์ ณบั ดนี้เป็นต้นไป” นายสัมพันธ์ ระบุ
นายสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนได้ติดตามการประชุมคณะกรรมการผู้บริหารพรรค เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อมติออกมาอย่างนี้ ตนจึงประกาศลาออก และยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพใน จ.สุโขทัย ทั้งหมด ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกเหมือนกับตนด้วย เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถอนตัวออกมา ทั้งที่รัฐบาลมีปัญหาต่างๆ อยู่ขณะนี้ ทำให้ตนไม่สามารถไปตอบคำถามของประชาชนในพื้นที่ได้ และดูเหมือนผู้บริหารพรรค จะไม่รับฟังเสียงของสมาชิกพรรคเลย