เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต โพสต์ข้อความให้ความรู้เรื่อง พิษต่อตับจากพาราเซตามอล ว่า แม้พาราเซตามอล (Paracetamol หรือ Acetaminophen) จะเป็นยาบรรเทาปวด-ลดไข้ที่ปลอดภัย หากใช้ตามขนาดแนะนำ แต่หากกินเกินขนาดอาจก่อให้เกิด ตับอักเสบเฉียบพลัน หรือ ตับวาย ได้อย่างรุนแรง

“ขนาดปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ คือ

    500–1,000 มก. ต่อครั้ง (1–2 เม็ด 500 มก.)

    ไม่เกิน 4,000 มก. ต่อวัน (แบ่งกินทุก 4–6 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 4 กรัม)

ขนาดที่เริ่มมีพิษต่อตับ (> 7.5–10 กรัม/วัน หรือ 15–20 เม็ด 500 มก.) จะทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน

ขนาดอันตรายรุนแรง (> 10–15 กรัม/วัน) เสี่ยงตับวายเฉียบพลันและอาจเสียชีวิตได้

ในเด็ก หากได้รับ > 150 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ในครั้งเดียว ก็เสี่ยงพิษต่อตับเช่นกัน (เช่น เด็กน้ำหนัก 60 กก. จะเท่ากับ 9,000 มก.)

กลไกพิษต่อตับ เกิดจากพาราเซตามอลเปลี่ยนเป็นสารพิษ NAPQI ซึ่งปกติจะถูกขจัดด้วยกลูต้าไธโอน แต่หากออกฤทธิ์มากเกิน กลูต้าไธโอนไม่พอ สารพิษจะทำลายเซลล์ตับจนเกิดตับอักเสบหรือวาย

สัญญาณเตือน ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงขวา ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเข้ม อุจจาระซีด และอาจหมดสติถึงโคม่า

หากสงสัยกินเกินขนาด ควรรีบไปโรงพยาบาลภายใน 1–2 ชั่วโมง แพทย์อาจให้ Activated charcoal หรือยาล้างพิษ N‑acetylcysteine (NAC)

นพ.ธีระวัฒน์เน้นว่า การใช้พาราเซตามอลต้องคำนึงถึง น้ำหนักตัว อายุ โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่ร่วมด้วย จึงจะใช้ยาอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อภาวะตับพังในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

ขอบคุณเพจ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha