บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด พัฒนาสู่พื้นที่ต้นแบบสำหรับการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยลงนามความร่วมมือกับ GISTDA เพื่อใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียม มาศึกษาต่อยอด และพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในสิงห์ปาร์คฯ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง ตั้งเป้าขยายพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติออกไปในพื้นที่โดยรอบ และเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อไป

ล่าสุด สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้ลงนามความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA หน่วยงานหลักด้านภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อยกระดับการศึกษาวิจัยด้านคาร์บอนและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ตั้งเป้าเพื่อศึกษาต่อยอด และพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในสิงห์ปาร์คฯ เพื่อขยายพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างยั่งยืนและผลักดันให้เป็นพื้นที่ OECM (พื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง) ภายในปี พ.ศ. 2571 รวมถึงสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและชุมชนให้มีส่วนร่วมในกระบวนการเพิ่มคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย

คุณพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด กล่าวว่า “สิงห์ปาร์คฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ GISTDA ในการทดลองนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแม่นยำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สู่ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติทั้งสำรวจ วิเคราะห์ และจัดการคาร์บอน รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ของสิงห์ปาร์คฯ ทั้งพืชและสัตว์ เป็นพื้นฐานสู่การสร้างความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน”

สิงห์ปาร์ค เชียงราย มีพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ มีทั้งพันธุ์พืชและสัตว์หลากหลายชนิด จากการสำรวจและวิจัยร่วมกับสถาบันความหลากหลายทางชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พบสิ่งมีชีวิตในสิงห์ปาร์คฯ ถึง 231 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์ 179 ชนิด และพืช 52 ชนิด ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ รวมถึงการพบนกอพยพ โดยเฉพาะกลุ่มนกเป็ดน้ำ ที่คาดว่าอพยพมาจากแถบอากาศหนาว และเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณบึง 70 ไร่ของสิงห์ปาร์คฯ เป็นระยะเวลาปีละประมาณ 6 เดือน เพื่อใช้ชีวิต หาอาหาร และผสมพันธุ์ ซึ่งนกเป็ดดำหัวน้ำตาลนี้เป็นเพียงหนึ่งใน 9 ชนิดของนกใกล้สูญพันธุ์ ที่พบในสิงห์ปาร์ค เชียงราย

ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน): สทอภ. หรือ GISTDA กล่าวว่า เราให้ความสำคัญในประเด็นเรื่องความหลากหลายทาง ชีวภาพและการจัดการข้อมูล Carbon มาโดยตลอด มีประสบการณ์การทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีบุคลากรที่มีองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้มีการพัฒนาแบบจำลอง (Algorithm) การประเมินการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นการนำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมทั้งแบบ Optical และ Radar ร่วมกับข้อมูลจาก LiDAR มาใช้ในแบบจำลองและผ่านการวิเคราะห์โดยใช้ Machine Learning (ML) ซึ่งในปัจจุบันวิธีการประเมินการกักเก็บ Carbon ในพืชของ สทอภ. นั้น ผ่านการรับรองจาก อบก. และมีความละเอียดถูกต้องสูง ครอบคลุมทั้งประเทศ และสามารถให้บริการประเมินคาร์บอนที่สะสมในทุกประเภทของป่าในประเทศไทย ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน และสวนยางพารา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเกือบครอบคลุมมากกว่า 90% ของพื้นที่ป่ารวมถึงพื้นที่สวนยางพาราทั่วประเทศ ที่ผู้พัฒนาโครงการสามารถนำผลการวิเคราะห์จากแบบจำลองของ GISTDA ที่พัฒนาขึ้นนี้ไปใช้ขึ้นทะเบียนตามโครงการ T-VER ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการพัฒนาแบบจำลองจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและ Machine Learning ร่วมกับข้อมูลสถิติยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพในเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

จากความร่วมมือระหว่างสิงห์ปาร์ค เชียงรายและ GISTDA ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ของสิงห์ปาร์คฯ ให้สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และพันธกิจด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม โดยสิงห์ปาร์คฯ พร้อมจะต่อยอดโครงการนี้ไปสู่พื้นที่อนุรักษ์นก รวมถึงการ เปิดเป็นพื้นที่ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้ ที่สำคัญยังตั้งเป้ายกระดับ
สิงห์ปาร์ค เชียงราย สู่การเป็นพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง หรือ Other effective area-based conservation measures (OECM) ให้สำเร็จ ภายในปีพ.ศ.2571