ในวงการแพทย์ และนักวิทยา ศาสตร์ ถกเถียงกันว่า ตัวเลขประมาณการที่พยากรณ์ไว้นั้นน่าจะอนุรักษ์เกินไป ตอนนี้วิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้ารวดเร็วมาก มีการใช้ AI มาดูแลเรื่องสุขภาวะแล้ว โรคต่าง ๆ ที่คร่าชีวิตมนุษย์ จะมีนวัตกรรมทางการแพทย์รักษาได้ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง และโรคร้ายอื่น ๆ เมื่อผนวกความก้าวหน้าทางการแพทย์กับวิศวกรรม เราก็สามารถสร้างอวัยวะเทียมมาแทนอวัยวะที่เสื่อมสภาพได้แล้ว ต่อไปคงเปลี่ยนถ่ายใหม่ได้เหมือนอะไหล่รถยนต์ นวัตกรเหล่านั้นทำนายว่า ลูกหลานของเราที่เกิดตั้งแต่ปีนี้ ที่เราเรียกว่า Gen Beta จะมีอายุเฉลี่ย 120 ปี ไม่ใช่ 80 ปีอย่างที่เคยทำนายไว้
แต่นักวิทยาศาสตร์ความยั่งยืนให้ความเห็นสวนทางว่า เรามองอนาคตเพียงแง่บวกไม่ได้ เราต้องใส่ปัจจัยลบที่เป็นความเสี่ยงใหญ่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นเข้าไปด้วย เช่น วิกฤติจากภาวะโลกเดือด การเสียชีวิตจากภัยพิบัติธรรมชาติ พายุฝนถล่มแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ นอกจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ และการเสียชีวิตที่เกิดจากภัยธรรมชาติแล้ว อาจจะเกิดโรคร้ายอุบัติใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน อาจจะเป็นเชื้อโรคตามธรรมชาติ หรือที่มนุษย์ประดิษฐ์ไว้เป็นอาวุธ ที่เสี่ยงกว่านั้น คือการเสียชีวิตจากการก่อการ
ร้าย และภัยสงคราม ที่คุกรุ่นอยู่ทั่วโลก คาดว่าถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นจริงน่าจะคร่าชีวิตผู้คนเกือบครึ่งโลก เมื่อคำนวณปัจจัยความเสี่ยงเหล่านี้เข้าไป ใหม่ นักอนาคตวิทยาบอกว่าอายุเฉลี่ยของ Gen Beta จะเหลืออยู่เพียง 50 ปีเท่านั้น ซึ่งจะต่ำกว่าปัจจุบันมาก
120 ปี หรือ 50 ปี ขึ้นอยู่กับการ กระทำของเราเอง และนโยบายของผู้นำของเราในวันนี้ ว่าใส่ใจ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากน้อยแค่ไหน.