เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่ห้องเวิลด์บอลรูมบี และซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ “เดลินิวส์” ได้จัดงานดินเนอร์ ทอล์ก 2025 ภายใต้หัวข้อ ความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี โดยได้รับเกียรติจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว. พาณิชย์ นายเจ้า เมิ่งเทา ที่ปรึกษาด้านกิจการการเมือง สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายสิทธิชัย จิวัฒน์ธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) และพล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ เข้าร่วมงานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ รวมถึงนายอู๋ จื้ออู่ อุปทูตจีนประจำประเทศไทย ที่เข้าร่วมงานด้วย โดยมีนางประพิณ รุจิรวงศ์ นายปารเมศ เหตระกูล นางสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ กรรมการบริหารเดลินิวส์ นายนต รุจิรวงศ์ เลขานุการคณะกรรมการบริหาร น.ส.นลิน รุจิรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (EVP) ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและการตลาด เดลินิวส์ และ นายภาสภณ เหตระกูล ผู้อำนวยการขนส่งและยานยนต์ ร่วมให้การต้อนรับ

น.ส.นลิน กล่าวเปิดงานว่า งาน Dinner Talk 2025: 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน คืออีกหนึ่งบทสำคัญ ที่เราทุกคนได้มาร่วมกันเฉลิมฉลองมิตรภาพอันลึกซึ้ง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้เริ่มต้นเพียง 50 ปีที่ผ่านมา แต่หยั่งรากลึกมายาวนานหลายร้อยปี นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยที่ไทยกับจีนได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้าขายที่ชัดเจน มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยการค้าและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีนเกิดขึ้นมาหลายศตวรรษ ก่อให้เกิดการหลอมรวมของผู้คนจนทำให้คนไทยจำนวนมากมีเชื้อสายจีน รวมถึงบุคคลสำคัญในวงราชการและธุรกิจของไทยจำนวนไม่น้อยต่างก็มีบรรพบุรุษที่มาจากจีน

ดังนั้น “50 ปี” ที่เราร่วมเฉลิมฉลองกันในวันนี้ จึงเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เป็นหลักฐานแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ และการอยู่เคียงข้างกันท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก เราร่วมกันสร้างสะพานเชื่อมระหว่างผู้คน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา และความเข้าใจจากรุ่นสู่รุ่น ไทยและจีนจึงเดินหน้าเคียงคู่กันมาโดยตลอด และพร้อมก้าวสู่อนาคตในฐานะ “หุ้นส่วนทางอนาคต” ที่มีเป้าหมายร่วมกันชัดเจนยิ่งขึ้น

ในนามของเดลินิวส์ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์อันมีค่านี้ เราไม่ได้เพียงแค่รายงานข่าว แต่เราเปิดพื้นที่ให้กับผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-จีนได้แบ่งปันมุมมอง ทั้งทางด้านการทูต การค้า และการธนาคาร ในบริบทใหม่ที่ชัดเจนและลึกซึ้งมากขึ้น เดลินิวส์ เชื่อมั่นว่าบทบาทของสื่อในปัจจุบันไม่ใช่แค่การรายงาน แต่คือการร่วม “ขับเคลื่อน” สังคม เราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจ สานโอกาส และต่อยอดความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างมีพลัง มีเป้าหมาย และยั่งยืน

นายพิชัย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อความสัมพันธ์ไทย-จีนและโอกาสทางการค้า โดยมีใจความสรุปว่า ไทยและจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้ามายาวนาน ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย มาตลอด 12 ปีที่ผ่านมา และไทยก็เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของจีนในภูมิภาคอาเซียน ทั้งสองประเทศเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของกัน สินค้าของทั้งสองประเทศเป็นที่ชื่นชอบของกันและกัน ที่ผ่านมาได้มีการปรึกษากันในการแก้ปัญหาทางการค้าตลอด เช่น สินค้าราคาถูกไม่มีคุณภาพ และทุเรียนไทยที่ส่งไปขายจีนที่พบปัญหา เป็นต้น

ซึ่งทุเรียน 90% ของไทยส่งไปขายที่จีน ทำให้ทั้งสองประเทศต้องพึ่งพากันตลอด หวังว่าในอนาคตการค้าการลงทุนจากจีนจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีที่แล้วจีนเข้ามาลงทุนไทยในเป็นอันดับ 1 และในอนาคตจะมี เอฟทีเอระหว่างอาเซียน กับจีน หรือ ACFTA ที่ได้ยกระดับสู่ ACFTA 3.0 เมื่อเดือนที่ผ่านมา ช่วยปรับปรุงความตกลงให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น และยังได้มีการเพิ่มสาขาความร่วมมือใหม่ๆ จะช่วยให้ไทยส่งออกไปจีนได้มากยิ่งขึ้น จะเป็นปัจจัยช่วยให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น

“ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่ช้าก็เร็ว จีนจะมีจีดีพี อันดับ 1 ของโลก จากการที่จีนมีการพัฒนาสินค้าด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล จึงเห็นว่าทิศทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีนในอนาคตยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะรัฐบาลไทยมีการส่งเสริมการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ และเอไอในไทย ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย รวมถึงติ๊กต็อก จากจีนที่ได้ประกาศลงทุนในไทยแล้ว ขณะที่ปัจจุบันนักลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจีน ที่ข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ทั้ง ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการร่วมทุนของนักลงทุนจีนกับผู้ประกอบการไทย จะช่วยจ้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นและช่วยพัฒนาทักษะแรงงาน ยกระดับคุณภาพการผลิตให้ไทยผลิตสินค้าสู่อุตสาหกรรมไฮเทคมากขึ้น สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ไทยจีนตัดกันไม่ขาด ความสัมพันธ์จะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ และหวังว่าจีนจะมองไทยเป็นน้องเล็กของจีนตลอดไป” นายพิชัย กล่าว

นายเจ้า เมิ่งเทา กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อความสัมพันธ์ไทย-จีน ต่อนโยบายทางการค้าและความมั่นคง โดยตอนหนึ่งที่น่าสนใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา แม้ทั้งสองประเทศมีสภาพสังคมและระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน การเยือนไทยครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อปี 2565 เป็นการวางรากฐานอันแข็งแกร่ง ให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างจีนกับไทยเป็นไปอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่และเกื้อกูลกัน ตอนนี้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยสู่จีนมีความคืบหน้าอย่างมาก มากกว่า 40% ของสินค้าเกษตรที่จีนนำเข้าจากต่างประเทศมาจากไทย และจีนยินดีนำเข้ามากขึ้นในอนาคต

ขณะที่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และช่วยสร้างงานใหม่ในไทยแล้วหลายหมื่นตำแหน่งความร่วมมือระหว่างจีนกับไทยอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จีนพร้อมยกระดับความร่วมมือ และเป็นหุ้นส่วนกับไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

oายสิทธิชัย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องจับชีพจรลงทุนจีน ผ่านมุมมองซีอีโอแบงก์กรุงเทพ ประเทศจีน โดยมีสาระสำคัญว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจจีนเปลี่ยนแปลงไป มีความท้าทายค่อนข้างมาก การแข่งขันสูง มีปัญหาการค้า ปัญหาเศรษฐกิจเติบโตช้าลง ซึ่งในอดีตจีนเติบโตปีละ 10% แต่หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนมีปัญหามากทั้งปัญหาอสังหาริมทรัพย์ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางการจีนต้องแก้ไข ทำให้การใช้จ่ายของคนจีนน้อยลง ชาวจีนระมัดระวังการใช้จ่ายและการออมเงิน ทำให้รัฐบาลจีนพยายามลดดอกเบี้ยเพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้มูลค่าการค้าไทยจีนอยู่ที่ 4.1 ล้านล้านบาท เป็นการส่งออกไทยไปจีน 1.22 ล้านล้านบาท สินค้านำเข้า 2.99 ล้านล้านบาท และการลงทุนจีนเติบโตเร็วเพิ่มขึ้น 14 เท่า ในช่วงเวลา 10 ปี โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรืออีอีซี ซึ่งไทยเป็นหมุดหมายหลัก ของธุรกิจจีนลงทุนหลายด้าน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัล การผลิตชั้นสูง อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ท่องเที่ยวสุขภาพ อาหาร โลจิสติกส์ ชีวภาพ การแพทย์ การศึกษา เป็นต้น โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูง ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ และสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนไปได้คือความสัมพันธ์ธุรกิจไทยจีนแน่นแฟ้นตลอดมา