เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผบช.ภ.6 พล.ต.ต.เดชพล เปรมศิริ ผบก.สส.ภ.6 สั่งการให้ พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รรท. รอง ผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ถาบุญชู ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.วรเชษฐ์ พลขัน ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.6, พ.ต.ท.เด่นเดียว ดอนตุ้มไพร รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6, พ.ต.ต.ชาคริส จำนงค์วัย สว.กก.ปพ.บก.สส.ภ.6 นำกำลังจับกุม นายต่อศักดิ์ โคตรวิทย์ อายุ 43 ปี นายสมชาย ปานกล่ำ อายุ 45 ปี นายฉัตรมงคล แน่จริง อายุ 22 ปี น.ส.อริสรา เสาร์นุ อายุ 21 ปี นายกรวิชญ์ สินเช้า อายุ 19 ปี นายแสนคม หรือคม ทัพโพธิ์ อายุ 44 ปี นายธนอนันต์ หรือพอล ดำรงศรีวิวัฒน์ อายุ 35 ปี และ นายมณชัย หรือคิม เหลืองธนะอนันต์ อายุ 30 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม เงินสด 132,040 บาท เงินสดสกุลหยวน 12,200 หยวน และรถยนต์ 2 คัน

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายร้องทุกข์ สภ.เมืองกำแพงเพชร ว่า ถูกคนร้ายซึ่งรู้จักผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก ชักชวนเทรดหุ้นเทรดทอง อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนอย่างสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงยอมลงทุนด้วย โดยในครั้งแรกๆ ก็แสดงผลกำไรและสามารถเบิกถอนมาได้จริง จากนั้นคนร้ายได้ออกอุบายให้เพิ่มการลงทุนอ้างเหตุต่างๆ และขาดการติดต่อจนเหยื่อสูญเงินรวม 18,838,550 บาท ต่อมาชุดสืบสวนได้แกะรอยพบว่าเป็นคนร้ายมีการทำเป็นขบวนการแบ่งงานกันทำตั้งแต่จัดหาบัญชี คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงิน และผู้สั่งการ จึงได้นำกำลังจับกุม

สอบสวนให้การรับว่า ร่วมกันหลอกเหยื่อจริง โดยเมื่อเงินที่ได้จากการหลอกลวงเข้าบัญชีแล้ว ก็จะกดเงินและส่งให้บอสใหญ่ชาวจีน ซึ่งบัญชีม้าถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 1,000-2,000 บาทต่อบัญชี, คนควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินจะได้รับค่าจ้าง 3,000 บาทต่อบัญชี, คนรวบรวมเงินจะได้ค่าจ้าง 1% ของยอดเงินที่รวบรวมส่งนายทุน อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังเหลือนายพรชัย หรือตู่ แรมลี อายุ 43 ปี ทำหน้าที่ ผู้จัดการการเงิน นายสมเกียรติ หรือต่าย บางขันธ์ อายุ 36 ปี และน.ส.สโรชา หรือซิม ยอดโมกข์ อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ผู้คุมบัญชีม้า พาไปถอนเงินที่ยังคงหลบหนี

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” และจะขยายผลติดตามคนร้ายต่อไป.