สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ว่า กรอบการทำงานดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 2573 และเข้ามาแทนที่กฎระเบียบจากปี 2565 ที่จะหมดอายุในปีนี้

นางเทเรซา ริเบรา รองประธานบริหารฝ่ายการเปลี่ยนผ่านที่สะอาด ยุติธรรม และมีการแข่งขัน ของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กล่าวว่า หากยุโรปต้องการเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีสะอาด อียูจะต้องดำเนินการด้วยความกล้าหาญและความชัดเจน ซึ่งกรอบการทำงานใหม่นี้ ช่วยลดความซับซ้อน และเร่งการสนับสนุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ตามคำร้องขอของฝรั่งเศส และประเทศอื่น ๆ ที่สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ เช่น สวีเดน และโปแลนด์ กฎระเบียบข้างต้นนำเสนอแนวคิด “ความเป็นกลางทางเทคโนโลยี” ซึ่งอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากรัฐ เข้าสู่การผลิตพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียน

“เนื่องด้วยการยอมรับอย่างเต็มที่ต่อสิทธิของประเทศสมาชิก ในการกำหนดสัดส่วนพลังงาน อีซีจะดำเนินการประเมินกรณีความช่วยเหลือจากรัฐอย่างทันท่วงที สำหรับการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งรวมถึงเตาปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็กขั้นสูง เพื่อรับประกันความแน่นอนทางกฎหมายของความช่วยเหลือดังกล่าว” อียู ระบุในกฎระเบียบใหม่

นอกจากนี้ กรอบการทำงานยังครอบคลุมถึงความช่วยเหลือสำหรับ “เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ” เช่น ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน และไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งสามารถสนับสนุนบริษัทในภาคส่วนที่ “ยากต่อการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” หันมาใช้พลังงานสีเขียวได้.

เครดิตภาพ : AFP