ใครที่เพิ่งมีบ้าน หรืออยู่ระหว่างหาประกันบ้านดี ๆ สักแผน คำถามอย่างประกันบ้านที่ไหนดี คงผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่รู้ไหมว่าความคุ้มค่าของประกันบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อบริษัทเพียงอย่างเดียว การเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ความเสี่ยง และมูลค่าทรัพย์สินก็สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้เราจะพาไปดูเทคนิคการเลือกซื้อประกันบ้านที่ทั้งคุ้มราคา และตอบโจทย์ความคุ้มครองในชีวิตจริง
5 เคล็ดลับการซื้อประกันบ้าน
เพื่อให้การเลือกซื้อประกันบ้านคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด ลองพิจารณา 5 เคล็ดลับเหล่านี้
1. เลือกจากความคุ้มครองที่ครอบคลุม

ก่อนอื่น คุณต้องพิจารณาความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับบ้านของคุณ ประกันบ้านโดยทั่วไปจะคุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า และภัยธรรมชาติอื่น ๆ แต่ก็มีส่วนเสริมความคุ้มครองที่คุณควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงของบ้านคุณ เช่น คุ้มครองภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว หรือการโจรกรรมพร้อมร่องรอยงัดแงะ
หากบ้านของคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การเลือกแผนที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติมย่อมเป็นสิ่งจำเป็น หรือหากคุณมีทรัพย์สินมีค่าจำนวนมาก การพิจารณาความคุ้มครองการโจรกรรมก็น่าสนใจ เลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความเสี่ยง เพื่อให้คุณอุ่นใจได้อย่างแท้จริงเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
2. ทุนประกันไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สิน
ไม่ควรกำหนดทุนประกันต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด (รวมโครงสร้างบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน) เนื่องจากหากกำหนดทุนประกันต่ำเกินไป เมื่อเกิดความเสียหายใหญ่ ๆ เช่น ไฟไหม้ทั้งหลัง เงินที่ได้รับอาจไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่ ทำให้คุณต้องแบกรับภาระส่วนต่างเอง การประเมินมูลค่าทรัพย์สินอย่างรอบคอบจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับความคุ้มครองอย่างเพียงพอ
3. ทุนประกันไม่สูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์

ในทางกลับกัน การกำหนดทุนประกันให้สูงเกินกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่แท้จริงก็ไม่ได้มีประโยชน์เพิ่มเติม เพราะบริษัทประกันจะชดเชยตามมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น และไม่เกินมูลค่าทรัพย์สินตามที่ประเมินไว้ ดังนั้น การจ่ายเบี้ยประกันที่สูงขึ้นโดยไม่จำเป็นจึงเป็นเรื่องสิ้นเปลือง การประเมินมูลค่าบ้านและทรัพย์สินอย่างสมเหตุสมผล จะช่วยให้คุณกำหนดทุนประกันที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป และจ่ายเบี้ยประกันในราคาที่คุ้มค่า
4. เลือกระยะเวลาคุ้มครองยาว ช่วยประหยัดเบี้ย
การซื้อประกันบ้านก็คล้ายกับการซื้อแพ็กเกจเหมาจ่าย ยิ่งซื้อระยะยาวเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ราคาดีเท่านั้น หากคุณวางแผนจะทำประกันบ้านต่อเนื่อง การเลือกซื้อความคุ้มครองแบบระยะยาว เช่น 2-3 ปี หรือมากกว่านั้น จะช่วยให้เบี้ยประกันที่คุณจ่ายต่อปีถูกลงกว่าการซื้อแบบปีต่อปีอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างง่าย ๆ สมมติว่าทุนประกันบ้านของคุณอยู่ที่ 1 ล้านบาท และค่าเบี้ยประกันรายปีปกติคือ 900 บาท
- ถ้าคุณเลือกทำประกันแบบปีต่อปี ค่าเบี้ยก็คือปีละ 900 บาท
- แต่ถ้าคุณเลือกทำ 2 ปี คุณอาจจะจ่ายเบี้ยประกันรวมเพียง 175% ของเบี้ยประกัน 1 ปี นั่นคือ 175% x 900 บาท = 1,575 บาท (ตกปีละ 787.50 บาท)
- และถ้าคุณเลือกทำ 3 ปี คุณอาจจะจ่ายเบี้ยประกันรวมเพียง 250% ของเบี้ยประกัน 1 ปี นั่นคือ 250% x 900 บาท=2,250 บาท (ตกปีละ 750 บาท)
5. เปรียบเทียบแผนประกันแต่ละบริษัทก่อนตัดสินใจ
การเปรียบเทียบประกันบ้านจากหลายบริษัทเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่ละบริษัทมีแผนประกัน ราคาเบี้ย และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ควรดูรายละเอียดความคุ้มครอง ข้อยกเว้น ขั้นตอนการเคลม และประวัติการจ่ายสินไหมทดแทนของแต่ละบริษัท การอ่านรีวิวจากลูกค้าเดิมและสอบถามข้อมูลจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยใช้บริการก็เป็นประโยชน์ อย่าตัดสินใจจากราคาเบี้ยประกันเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการบริการและความเชื่อถือได้ของบริษัทประกันด้วย
สรุปบทความ
การเลือกประกันบ้านที่ดีไม่ใช่แค่ดูราคาถูกหรือแพง แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตจริง ทั้งเรื่องทุนประกัน ความคุ้มครองที่เหมาะสม และบริการหลังการขายที่ไว้วางใจได้ ควรเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้บ้านและทรัพย์สินได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ พร้อมความอุ่นใจในทุกสถานการณ์ตลอดระยะเวลาประกัน