เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า ขบ. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ภายใต้แนวคิด “เลิกพฤติกรรมเสี่ยง = รอด เป็นห่วงนะ ใส่หมวกกันน็อกกันเถอะ” เพื่อสร้างวินัยจราจรในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์และผู้โดยสาร ส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมาย และลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ขบ. ได้ร่วมขับเคลื่อนการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนรณรงค์ปลูกจิตสำนึกการขับขี่ที่ปลอดภัยผ่านแผนงาน โครงการและมาตรการต่างๆ เพื่อให้การควบคุมกำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางบกถนนมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการสวมหมวกนิรภัย มีการกำหนดเป็นมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัย ได้แก่ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ขับขี่ขณะเมาสุรา รณรงค์การคาดเข็มขัดนิรภัย การสวมหมวกนิรภัย การหยุด ชะลอและจอดเมื่อมีผู้ข้ามทางม้าลาย และการหลีกทางให้รถพยาบาล หรือรถฉุกเฉิน 

อีกทั้งได้กำหนดให้เขตพื้นที่ ขบ. และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100% โดยได้ดำเนินการขยายผลยังภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษาทั่วประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการนักเรียนรุ่นใหม่ มีใบขับขี่ ในการดำเนินการตามมาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนโดยเฉพาะครู อาจารย์ และบุคลากรต้องเป็นตัวอย่างด้านความปลอดภัยทางถนน มุ่งหวังให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของประชาชน ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงให้ความสำคัญกับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนเพื่อให้ประชาชนเกิดการรับรู้ จนไปสู่การมีพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยอีกด้วย

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขบ. ได้พัฒนา “คลังข้อมูลเรียนรู้การใช้รถใช้ถนนสำหรับเด็กและเยาวชน” ซึ่งเป็นรูปแบบคอร์สเรียนออนไลน์บนเว็บไซต์ขับขี่ปลอดภัย ที่เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต รวมทั้งเมื่อผู้เรียนได้ศึกษาบทเรียนครบถ้วน และผ่านการทดสอบ ผู้เรียนจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองโดยมีเนื้อหา และรูปแบบเน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้และผสมผสานความบันเทิงเข้ากับความรู้ความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนน 

ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติผ่านสื่อและกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคุณครู-นักเรียน ผู้ปกครอง-บุตรหลาน โดยจัดกลุ่มข้อมูลความรู้ รูปแบบสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย แบ่งเป็นระดับอนุบาล ช่วงอายุ 3 – 6 ปี ระดับประถมศึกษา ช่วงอายุ 7 – 12 ปี และระดับมัธยมศึกษา ช่วงอายุ 13 – 18 ปี ในส่วนของเว็บไซต์ขับขี่ปลอดภัย หรือ “ขับขี่ปลอดภัย by DLT” ก็ได้พัฒนาขึ้นเป็นช่องทางการสื่อสารความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึง และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในพื้นที่การเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนได้ตลอดเวลา 

ขบ. ยังได้พัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนโดยนำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) มาใช้ โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจขับเคลื่อนในเชิงนโยบาย กำหนดแนวทาง และมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย