เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของรัฐมัธยประเทศ ประเทศอินเดีย สั่งพักงานวิศวกร 7 คน จากผลงานการออกแบบสะพานลอยสำหรับรถยนต์ที่มีจุดเลี้ยวแบบหักศอก ทำมุม 90 องศา สร้างความเสียหายแก่สะพานมูลค่า 200 ล้านรูปี (ราว 75.8 ล้านบาท)
สะพานลอยดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อให้รถยนต์วิ่งข้ามทางรถไฟในเมืองโภปาล รัฐมัธยประเทศ โครงการสะพานนี้มีการประกาศเริ่มสร้างตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยมีงบประมาณการก่อสร้างรวม 200 ล้านรูปี จุดประสงค์ในการสร้างก็คือช่วยปรับปรุงการเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างย่านมหาไมนี กาบาฆ, ย่านปุชปา นาการ์ และบริเวณสถานีรถไฟกับเขตเมืองใหม่ของโภปาล แต่สะพานใหม่แห่งนี้กลับกลายเป็นชนวนของการโต้แย้งเกี่ยวกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการออกแบบ ซึ่งก็คือออกแบบให้มีทางโค้งหักศอก 90 องศาบนสะพาน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเสี่ยงอันตรายต่อการขับขี่
ภาพถ่ายของสะพานโค้งดังกล่าวถูกนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดียและกลายเป็นไวรัลในอินเดีย ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย และสงสัยว่าเหตุใดทีมวิศวกรที่ออกแบบสะพานจึงมองข้ามข้อผิดพลาดร้ายแรงดังกล่าว
หลังจากมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับสะพานดังกล่าวบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) มุขมนตรีโมฮัน ยาดาฟ หัวหน้าคณะรัฐบาลท้องถิ่นได้สั่งสอบสวนสถานการณ์ดังกล่าว และต่อมาได้ประกาศสั่งพักงานวิศวกร 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ รวมถึงสั่งสอบสวนกิจกรรมของวิศวกรเกษียณอายุราชการอีกคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบที่ผิดพลาดด้วยเช่นกัน
“วิศวกร 7 คน รวมทั้งหัวหน้าทีมวิศวกรหัวหน้า 2 คน ถูกพักงานทันที จะมีการสอบสวนวิศวกรระดับรองซึ่งเป็นผู้เกษียณอายุแล้ว ทั้งบริษัทก่อสร้างและที่ปรึกษาออกแบบถูกขึ้นบัญชีดำเนื่องจากส่งแบบร่างสะพานข้ามทางรถไฟที่มีข้อบกพร่อง” ยาดัฟกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวีดี เวอร์มา วิศวกรหัวหน้าของโครงการนี้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาและทีมงานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกแบบสะพานในลักษณะโค้งแบบ 90 องศา เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดและมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ใกล้ๆ
ขณะนี้ทางการโภปาลเสนอให้ซื้อที่ดินเพิ่ม ซึ่งจะทำให้สามารถออกแบบและก่อสร้างจุดเลี้ยวโค้งบนสะพานได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
โครงการสะพานลอยข้ามทางรถไฟสำหรับรถยนต์แห่งนี้มีความยาว 648 เมตร มีจุดประสงค์เพื่อขจัดการจราจรที่ติดขัดล่าช้าตรงจุดตัดทางรถไฟและเพื่อลดระยะเวลาการเดินทางสำหรับผู้คนเกือบสามแสนคน
ที่มา : odditycentral.com
เครดิตภาพ : YouTube / ThePrint