เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคประชาชน ในการเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ว่า การเปิดสมัยประชุมนี้ พรรคประชาชนยืนยันว่า เราพร้อมจะใช้กลไกในสภาทุกช่องทาง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ เป็นการปลดล็อกทางการเมืองมากกว่าเพียงแค่การปลดล็อกการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนได้มีการสื่อสารไปก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้วว่า ภายใต้สมการทางการเมืองแบบที่เป็นอยู่ จากจำนวน สส.ในสภาที่เป็นอยู่ พวกเราเห็นว่า การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะกระบวนการใดก็ตาม ทั้งการลาออก หรือถอดถอนในกระบวนการนิติสงคราม ที่เราไม่เห็นด้วย ไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม มีประสิทธิภาพ และสมาธิ ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเรื่องนี้ ตนจะมีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกัน
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว พรรคประชาชนมองอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องเรียนตามข้อเท็จจริงว่า มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด แต่ในรายละเอียด ตนขอยังไม่สื่อสารในตอนนี้ เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ได้มองว่าการเมืองจะถึงทางตัน เพราะการเดินเข้าสู่ทางตัน มีกรณีเดียว คือกลุ่มคนบางกลุ่ม พยายามสร้างเงื่อนไข สร้างสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อใช้อำนาจนอกระบบ ไม่ว่าจะปฏิวัติรัฐประหาร หรือนายกรัฐมนตรีที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น บางตัวเลขที่ได้มีการหารือกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านในหลังบ้าน ตนขอยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า เรามองเห็นทุกฉากทัศน์การเมืองหลายทาง ตอนนี้มีทางไปแน่นอน
ส่วนหากมีการเสนอชื่อนายอนุทิน พรรคประชาชนจะโหวตให้ โดยไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอยังไม่ลงรายละเอียด เพราะยังไม่อยากยืนยันในตอนนี้ ตนยังพูดฝ่ายเดียวไม่ได้ สุดท้ายอีกฝั่งหนึ่ง หรือทางพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทินเอง ก็ต้องเห็นด้วยกับเรา เพราะที่ผ่านมา ในการคุยนอกรอบ หรือไม่เป็นทางการ ยังมีตัวเลือกความเป็นไปได้ต่างๆ อื่นอีก ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์แบบไหน การตัดสินใจของพรรคประชาชน เราจะใช้จำนวนเสียง สส.ที่มีทั้งหมด เปิดประตูหาทางออกให้กับประเทศนี้
ส่วนมีการประเมินฉากทัศน์ต่อไป ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างแรกหาก น.ส.แพทองธารไม่ยอมลาออก สถานการณ์ก็ยังเป็นแบบนี้ มีนายกรัฐมนตรีรักษาการไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างที่สองนายกรัฐมนตรีสามารถตัดสินใจลาออกได้เลย เพื่อเดินหน้าเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ส่วนฉากทัศน์ต่อไป หากมีการยุบสภา ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางพรรคประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอดว่า เราอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุดนั้น ก็อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย จะตัดสินใจอย่างไร เรายืนยันว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภา
สำหรับกรณีมีการตั้งคำถามว่า ที่พรรคประชาชนเลือกแนวทางยุบสภานี้ เป็นเพราะพรรคประชาชนได้ประโยชน์หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนน้อมรับในข้อคิดเห็นของแต่ละฝ่าย แต่ขอชวนประชาชนทุกคนคิด และมีการตั้งคำถามในใจว่า หากเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน มีความชอบธรรม มีหน้าตา ครม. ที่ไม่ได้มาจากการแบ่งสันเก้าอี้ตามโควตาพรรคการเมือง เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง อยากให้ ครม.คัดสรรคนที่มีความรู้ ความสามารถมาดำรงตำแหน่ง ถ้าเราอยากได้แบบนี้ เราลองดูทางเลือกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่มีอยู่
“ลองจินตนาการดูว่า มีแบบไหนบ้าง ที่เราจะได้รัฐบาลตามที่พรรคประชาชนเสนอได้ ตนเชื่อว่า ประชาชนทุกคนเห็นตรงกันว่า ทางออกคือการคืนอำนาจให้กับประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า การใช้กลไกสภาในการตรวจสอบนั้น พรรคประชาชนจะเริ่มต้นตั้งแต่การตั้งกระทู้ถามสด และญัตติด่วนต่างๆ ส่วนอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 นั้น พวกเราไม่ได้ปฏิเสธ และเห็นด้วยว่า เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการกดดันรัฐบาล ให้มีการยุบสภา และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการตรวจสอบ แต่ต้องดูว่าจังหวะไหน จะเข้าเป้ามากที่สุด เพราะกรณีการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาก่อนหน้านี้ ว่าเราไม่ได้ปฏิเสธ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ที่ตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจถูกต้อง ไม่ได้ออกไปรับลูกข้อเสนอพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้
นายณัฐงพงษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ตนค่อนข้างอยากให้กำลังใจประชาชนทุกคน เพราะเข้าใจว่าตอนนี้จากสถานการณ์ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และมีความคิดที่อยากให้ น.ส.แพทองธารออกจากตำแหน่ง ซึ่งต้องออกมาเรียกร้องนั้น แต่ไม่ว่าเราจะมีความไม่พอใจต่อ น.ส.แพทองธารอย่างไร เราไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกว่า แกนนำมีส่วนชี้นำที่จะนำไปสู่กลไกนอกระบบ ทั้งรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรี มาตรา 5 เราก็ไม่ควรสนับสนุนในส่วนนั้น
เมื่อถามถึงข้อกล่าวหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือเรื่องขัดจริยธรรมร้ายแรง น.ส.แพทองธารควรโดนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คนที่ควรตัดสินเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง ควรเป็นประชาชน เพราะแน่นอนที่สุดว่า หากนักการเมืองมีเรื่องทุจริต เรายังมีกลไกของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีอยู่แล้ว หากเป็นช่องในการตัดสินมาตรฐานจริยธรรมต่างๆ ควรเป็นประชาชนตัดสินผ่านคูหาการเลือกตั้ง เพื่อให้นักการเมืองมีความรับผิดรับผิดชอบจากประชาชน และไม่ควรอาศัยกลไกนี้ เพียงแค่หวังผลทุบทำลายให้ใครออกจากตำแหน่ง โดยยื่นดาบให้กับตุลาการที่มีองค์คณะแค่ไม่กี่คน ในการตัดสิน
สำหรับกรณีมีคนเตรียมยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ในฐานะ รมว.วัฒนธรรมนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม ตอนนี้ น.ส.แพทองธาร กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม หากมีการดำเนินการแล้ว เห็นถึงความไม่เหมาะสม เราก็พร้อมใช้ทุกกลไกในการตรวจสอบ และถอดถอนออกจากตำแหน่ง.