สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่าทุกวันนี้ การรับประทานทุเรียนหรือการรับชมละครไทย กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของชาวจีนจำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกัน ศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของไทยอย่างมวยไทย ได้รับความนิยมชมชอบในจีนด้วย


มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของไทย ซึ่งใช้สองมือ สองขา สองศอก และสองเข่า หลอมรวมเป็นแปดอาวุธโจมตี โดยผู้เรียนผู้เล่นมวยไทยในไทยมักเป็นผู้ชาย แต่มวยไทยในจีนนั้นกลายเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชายหญิง รวมถึงเป็นกีฬาของทั้งเด็กและผู้ใหญ่


“มาประลอง ศ.บุญยงยศ” หรือ คิม ผู้ฝึกสอนประจำชมรมการต่อสู้มวยไทยเอ็มพีแอล ในกรุงปักกิ่ง เล่าว่า เขาอาศัยอยู่ที่กรุงปักกิ่งมานานกว่า 10 ปีแล้ว ตอนแรกมียิมมวยไทยน้อยมาก แต่พอผ่านไปสัก 4-5 ปี เริ่มมียิมมวยไทยเพิ่มขึ้น และผู้คนในจีนหันมาสนใจมวยไทยกันมากขึ้น


ทั้งนี้ มวยไทยได้พัฒนาจากศิลปะการต่อสู้ต่างชาติเป็นตัวเลือก ให้กับการออกกำลังกายประจำวันของผู้คน ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนด้วย

XINHUA


ขณะที่มวยไทยได้รับความนิยมในจีน การเต้นระบำเอ็งกอของจีนได้เข้าสู่ไทยและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น คุณวันเพ็ญ วิถีธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญญวิทยาคารในอำเภอพนัสนิคม กล่าวว่า เอ็งกอเผยแพร่เข้าสู่อำเภอพนัสนิคมผ่านชาวจีน จากเมืองผู่หนิงหรือโผวเล้งเมื่อราว 100 ปีก่อน นำสู่การก่อตั้งทีมนักเต้นระบำเอ็งกอหลายทีมในเวลาต่อมา


การเต้นระบำเอ็งกอกลายเป็นประเพณีพื้นบ้านในอำเภอพนัสนิคม มีคณะนักเต้นระบำเอ็งกอวัยเยาว์ขึ้นเวทีทำการแสดงตามงานเทศกาลดั้งเดิมของไทย อย่างเทศกาลลอยกระทง ซึ่งมอบสีสันความสนุกสนานรื่นเริงแก่ผู้ชมด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องอันโดดเด่น และท่วงท่าลีลาอันองอาจดังวีรบุรุษ


มวยไทยที่สำแดงความแข็งแกร่งและการเต้นระบำเอ็งกอ ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณวีรบุรุษเขาเหลียงซานกำลังเขียนเรื่องราวการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างเพื่อนบ้านที่ดีและหุ้นส่วนที่ดี โดยการผสมผสานทางวัฒนธรรมและความกลมกลืนทางจิตวิญญาณ จะช่วยนำพาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยก้าวสู่อีกห้าสิบปีทองของความผูกพันอันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA