เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม กรณีการนำบุคคลซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ อันมิบังควร เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้อยแรงหรือไม่

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ประธานวุฒิสภาเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย กรณีมีคลิปโทรศัพท์ไปสนทนากับนายฮุน เซน เป็นการส่วนตัว อันกระทบกระเทือนต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ถือได้ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับเรื่องไว้พิจารณา และสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 แม้จะมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ น.ส.แพทองธาร เป็น รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่งในวันเดียวกันก็ตาม แต่เนื่องจากเรื่องของจริยธรรมนั้น ย่อมมีศักดิ์สูงกว่ามาตรฐานกฎหมาย เมื่อตนมีข้อกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดไร้จริยธรรม สมคบผู้นำต่างชาติ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ควรที่จะชะลอไม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นพิธีการที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีต่อประมุขของชาติ ควรรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามคำร้อง แล้วจึงเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในภายหลังก็จะถูกต้องเหมาะสม แสดงจิตสำนึกของผู้นำ และเป็นวัฒนธรรมที่ดีของกระทรวงวัฒนธรรมไทย

แต่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกรัฐมนตรี กลับนำ น.ส.แพทองธาร และคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงเป็นการกระทำที่มิบังควร อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยังไม่แยแสต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ยังกลับมาปฏิบัติหน้าที่โดยเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระพิเศษเมื่อบ่ายวันเดียวกัน และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรมในเช้าวันนี้ อันถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว

พฤติการณ์และการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสองดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะต้องไต่สวนสอบสวน และส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษตามครรลองของกฎหมาย องค์กรรักชาติรักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนในวันนี้.