จากกรณีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหนองไผ่ ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ท้วงติงคณะเจ้าภาพกฐิน ที่มาทอดวัดหนองไผ่ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า อาจจะไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีประกาศยอดเงินกฐิน ทั้งยังหอบเงินทั้งหมดกลับบ้าน แล้วย้อนเอาเงินมาคืนให้วัดเพียง 100,000 บาท สร้างความคาใจให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก กระทั่ง พระครูประดิษฐ์ปัญญาภรณ์ อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดหนองไผ่ และเจ้าคณะตำบลหลักเขต ออกมาระบุว่า ทำแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว อย่างไรก็ตามภายหลังเกิดเป็นข่าวโด่งดัง นายฉัตรพงษ์ จอมกาณ์นนท์ อายุ 58 ปี เจ้าภาพงานกฐินที่ถูกกล่าวหา ออกมายืนยันว่า เงินกฐินในวันนั้นได้ยอดรวมทั้งหมด 231,702 บาท และจะนำมามอบให้คณะกรรมการวัดฯทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เจ้าภาพกฐินทอดเสร็จหอบเงินกลับเฉย เจ้าอาวาส-ชาวบ้านงง!ทำมา3ครั้งแล้ว

เจ้าภาพกฐินหอบเงินที่เหลือ1.3แสนมาให้วัด โต้ไม่ประกาศยอดเหตุปิดเครื่องขยายเสียง

เจ้าภาพกฐินแจงยิบ! ไม่เคยกั๊กเงินทำบุญ เชื่อขัดผลประโยชน์ จนกลายเป็นข่าวฉาว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 18 พ.ย. เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์(พศจ.บุรีรัมย์) เดินทางมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่วัดหนองไผ่ พร้อมกับเรียกคณะกรรมการหมู่บ้าน และเจ้าภาพกฐิน นำเงินมานับร่วมกันที่บนศาลาวัด แต่ปรากฎว่าเงินขาดไป 2,500 บาท นายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพ จึงได้ควักเงินสดมาเติมให้เต็ม ก่อนให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา เป็นประธานถวายเงินกฐินให้กับเจ้าอาวาสย้อนหลังแทน

อย่างไรก็ตามระหว่างดำเนินการบนศาลามีพิธีถวายเงินกฐินอยู่นั้น ด้านล่างศาลาวัดได้มีโต้เถียงกันระหว่าง นายอำนาจพิทักษ์ พักรัมย์ อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัดกับคณะเจ้าภาพ ถึงกับเกิดการกระโดดถีบลูกศิษย์วัด โชคดีที่มีห้ามปรามได้ทัน จนเหตุการณ์ไม่บนปลายออกไป ซึ่งหลังจากถวายกฐินเรียบร้อยแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันไป

ด้าน นายสนิ้ง เรืองรัมย์ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และคณะกรรมการวัดหนองไผ่ ที่เกิดปัญหากฐินอลเวง ออกมาระบุว่า ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจ นายฉัตรพงษ์ และคณะเจ้าภาพกฐิน ที่มาทอดในวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา แล้วตกเป็นที่ครหาของสังคม โดยเฉพาะประเด็นหอบเงินกฐินกลับบ้าน แม้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการให้เจ้าอาวาสและแม่บ้านวัดมาแก้ข่าวให้แต่ก็ทำให้โลกโซเชียลออกมาตำหนิซ้ำเติมอีก

อีกส่วนหนึ่งที่ตนและชาวบ้านยังสงสัยไม่หายกรณีผ้าป่า 2 ปี ก่อนที่จะมาเป็นกฐินในปีนี้ โดยเจ้าภาพคนนี้ ปีแรกได้เงิน 100,000 บาท มอบให้เจ้าอาวาส 20,000 บาท ปีที่ 2 ได้เงิน 150,000 บาท มอบให้เจ้าอาวาส 25,000 บาท ยอมรับว่าเจ้าภาพมีความตั้งใจที่จะมาสร้างความเจริญให้วัด แต่ชาวบ้านไม่มีใครรู้เลยว่า ยอดเงินผ้าป่าได้เท่าไหร่ งบประมาณการก่อสร้างเท่าไหร่ ค่าแรง ค่าวัสดุ เท่าไหร่ไม่มีใครเห็นบัญชีพอมาถึงงานกฐินปีนี้ ทำให้มีคลื่นใต้น้ำทำให้เกิดเรื่องขึ้นตามข่าว ที่ผ่านมาเจ้าภาพคนนี้จะพยายามสร้างความน่าเกรงขามเพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนจัดการบริหารเองทั้งหมด โดยเฉพาะการถือไมโครโฟนขึ้นประกาศว่า ”วัดทุกวัด ไม่จำเป็นต้องรู้ยอดกฐิน แม้แต่พระก็ไม่ควรจะรู้ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์” เหมือนเป็นการออกตัวว่าจะไม่นับ

ขณะที่ นายอำนาจพิทักษ์ พักรัมย์ ลูกศิษย์วัดที่โดนคณะเจ้าภาพถีบ ระหว่างการถวายกฐินย้อนหลัง กล่าวว่า เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่การเดินทางทำบุญมา กับการทอดกฐินแบบนี้ที่ทำลักษณะเหมือนการปล้นเงินกฐิน จริงๆแล้วเงินกฐินจะต้องตกเป็นของวัดส่วนวัดจะเอาไปทำอะไรเป็นเรื่องของวัด หรือจะเอาไปสร้างตามเจตนาขององค์กฐินนั้นๆ ไม่ใช่ทำแบบนี้