สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ว่าสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของซูดานรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่ากองทัพซูดานและนายอับดัลลา ฮัมด็อก ลงนามร่วมกันในข้อตกลง 14 ข้อ ที่รวมถึงการคืนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แก่ฮัมด็อก อดีตนักการทูต ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเฉพาะกาล ตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อปี 2562 ให้ทำหน้าที่นี้ต่อไป จนกว่าจะถึงกำหนดการเลือกตั้งทั่วไป ที่กองทัพกล่าวว่า จะเกิดขึ้นภายในเดือนก.ค. 2566
VIDEO: ?? Abdalla #Hamdok signs a 14-point deal providing for his reinstatement as #Sudan's prime minister with top general Abdel Fattah al-Burhan, restoring the transition to civilian rule nearly a month after a military coup, at the presidential palace in Khartoum pic.twitter.com/Iicr2bLmKy
— AFP News Agency (@AFP) November 21, 2021
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2021/11/f1335e025096494b8eaf402dda5118e7-2-3090eba9d2504166944c602c982e6930_25291414-1024x759.jpg)
ทั้งนี้ คณะรัฐประหารของซูดานปลดฮัมด็อกออกจากตำแหน่ง และกักบริเวณไว้ภายในบ้านพัก เมื่อมีการยึดอำนาจครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับรัฐมนตรีอีกหลายคน แม้หลายฝ่ายเชื่อว่า ข้อตกลงนี้จะนำไปสู่การปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังตั้งแต่การยึดอำนาจ แต่ยังไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับโฉมหน้าของเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลเปลี่ยนผ่านชุดใหม่ และแนวทางการบริหารประเทศจนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง เนื่องจากเมื่อต้นเดือนนี้ พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน เพิ่งแต่งตั้งสภาอธิปไตย หรือคณะผู้ปกครองชุดใหม่ โดยพล.อ.บูร์ฮาน ทำหน้าที่ประธาน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2021/11/ba59a10a7d5c452e83c18073841cef19-0-a4516f1cf92f4cddaafa5925ab12fb8b_25290633-1024x732.jpg)
ขณะที่ฮัมด็อกขอบคุณ “พันธมิตรทั้งในและนอกภูมิภาค” ที่ร่วมกันสนับสนุนจนมีการบรรุลข้อตกลง แต่ปฏิเสธเอ่ยชื่อประเทศ และยืนยันว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยบรรเทาความรุนแรงจากการประท้วง ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 รายแล้ว ด้านพล.อ.บูร์ฮานยืนยันว่า กองทัพต้องการ “เป็นมิตรกับทุกฝ่าย”
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของชาวซูดาน มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่ยังคงคัดค้าน มองว่าฮัมด็อก “หักหลัง” และ “เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง” ด้วยการยินยอมกลับมาร่วมงานกับกองทัพที่ยึดอำนาจตัวเอง แต่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) สหรัฐ และสหภาพยุโรป ( อียู ) แสดงความชื่นชมข้อตกลงฉบับนี้.
เครดิตภาพ : AP