นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า กรณีพ่อแม่ของน้องหญิงผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน กับรถเบนซ์ของคู่กรณี ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันภัยผู้รับประกันภัยรถเบนซ์ของคู่กรณี ทั้งที่มีคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว โดยมีคำพิพากษาให้ผู้ขับขี่รถเบนซ์เป็นผู้ประมาทแต่ฝ่ายเดียว และให้บริษัทจ่ายค่าสินไหม 2.5 ล้านบาท นั้น

ทั้งนี้ คปภ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เร่งดำเนินการและแจ้งความเห็นให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตตามกรมธรรม์ประกันภัย ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแล้ว แต่บริษัทแจ้งใช้สิทธิโต้แย้งความเห็นว่า กรณีพิพาทน่าจะประมาทร่วมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม คปภ. จึงเรียกบริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และเมื่อวันที่ 18 พ.ย.สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ได้รายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่าได้ประสานไปยังบริษัทเพื่อให้พิจารณาทบทวนจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร่งด่วนอีกครั้ง แต่บริษัทยังไม่แจ้งผลการพิจารณากลับมา

นายสุทธิพล กล่าวว่า เมื่อบริษัทยังคงโต้แย้งว่า รถยนต์คันเอาประกันภัยมิได้ประมาท ซึ่งขัดแย้งกับผลของคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้วข้างต้น หรือปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย หากบริษัทยังปฏิเสธไม่จ่ายเคลมดังกล่าวการกระทำของบริษัทเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 20,000 บาท จนกว่าบริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเสร็จ โดยสำนักงาน คปภ. จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และนำเรื่องเสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว

“ผมขอแสดงความห่วงใยและเสียใจกับครอบครัวของน้องหญิงที่ประสบภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง สำนักงาน คปภ. พร้อมจะเข้าไปประสานให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง เห็นใจในขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ โดยสำนักงาน คปภ. จะใช้มาตรการทางกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้ระบบประกันภัยเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว”