เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว คดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ไต่สวนพยานและมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา จิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จำเลยที่ 5, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ จำเลยที่ 6, และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ จำเลยที่ 17 ที่กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวของศาล

กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกับพวกรวม 22 คน ร่วมกัน ดูหมิ่นสถาบัน ร่วมกันชุมนุม คดีปักหมุดสนามหลวงเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2563

ภายหลังศาลมีคำสั่งยกคำร้องเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว และให้นายไชยอมร ติดกำไลอีเอ็ม

เมื่อสิ้นขั้นตอนดังกล่าว นายไชยอมร ได้ยกขาโชว์ให้เห็นกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าซ้าย และให้สัมภาษณ์ว่า เจตนาก็คือต้องการให้เราหยุดเคลื่อนไหว ก็ยังดีที่อย่างน้อยไม่โดนถอนประกัน ยังไม่โดนพรากอิสรภาพไป แต่ก็เพิ่มมาด้วยเงื่อนไขติดกำไลอีเอ็ม แล้วก็อยู่ในเคหสถานเกือบ 24 ชั่วโมง พูดง่ายๆ ว่าอยากให้แกนนำทุกคนหยุดเคลื่อนไหว หยุดความคิดเห็น หยุดศูนย์รวมจิตใจของมวลชนที่จะออกไปเรียกร้องประชาธิปไตย

เมื่อถามว่าการติดติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ทำให้ต้องปรับตัวการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ นายไชยอมร กล่าวว่า “ผมไม่มีสิทธิแย้งอะไรเลย ทุกอย่างเป็นคำสั่งอยู่แล้ว ในเรื่องการกักบริเวณ และการติดกำไลอีเอ็ม สำหรับผมเวลาขึ้นเวทีถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไวเลส แค่อัดเพลง เสียงจี่กีตาร์เพียงนิดเดียว ผมก็ต้องอัดใหม่ ก็ไม่รู้ว่าอุปกรณ์กำไลอีเอ็มนี้จะมีผลอะไรหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ​ คือ ผมออกไปทำงานไม่ได้ เพราะต้องโดนกักตัวกักบริเวณ ปกติยังต้องเล่นดนตรีและมีอัดเสียงอยู่”

เมื่อถามว่าวันนี้ได้เจอกับ รุ้ง-ปนัสยา ในห้องพิจารณาคดีได้พูดคุยอะไรกันบ้าง นายไชยอมร กล่าวว่า “รุ้งใส่ชุดผู้ต้องขัง ส่วนจิตใจจะบอกว่าเข้มแข็งก็ได้ แต่ที่ผมได้พูดกับรุ้งก็เป็นเรื่องการฝากงาน ฝากไม้ต่อกันมากกว่าและรุ้งก็ยังเป็นห่วงว่าคนอยู่ข้างนอกจะขยับเขยื้อนกันอย่างไร ทำให้การประชุมขับเคลื่อนติดขัดไป แต่เชื่อว่าถ้าจับแกนนำขังหมดก็ต้องมีรุ่นใหม่ขึ้นมา เราจะใช้ความพยายามและความอดทนให้มากขึ้น”