หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้ออก มาตรการแก้หนี้ระยะยาวด้วยการรวมหนี้ (Debt Consolidation) และ รีไฟแนนซ์ (Refinance) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้หลายทางและถูกคิดดอกเบี้ยสูง ได้รับประโยชน์จากการรวมหนี้ และรีไฟแนนซ์ ให้ดอกเบี้ยถูกลง ซึ่งจะยิ่งทำให้หมดหนี้เร็วขึ้น และมีเงินสภาพคล่องเพิ่มขึ้นด้วย

รวมหนี้ (Debt Consolidation) คือ การรวมสินเชื่อบ้านกับสินเชื่อรายย่อย เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวด

ประโยชน์จากการรวมหนี้ คือ

1.ดอกเบี้ยลดลง

2.สินเชื่อรายย่อยทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล จะรวมดอกเบี้ยและรวมบิลในใบเดียวกัน

3.มีเงินสภาพคล่องเพิ่มขึ้น

4.ไม่เสียประวัติเครดิตบูโร

วิธีการคิดดอกเบี้ย เมื่อเกิดการรวมหนี้ระหว่าง หนี้บ้าน กับ หนี้รายย่อย เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล มีรายละเอียดดังนี้

-อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน จะไม่เพิ่มจากสัญญาเดิม

-สินเชื่อรายย่อย เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล คิดดอกเบี้ยไม่เกินดอกเบี้ยบ้านที่ใช้หลังส่งเสริมการขาย บวก 2% ต่อปี ( ตัวอย่าง ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 6% บวก 2% เมื่อนำสินเชื่อส่วนบุคคลมารวมหนี้ จะเท่ากับ 8% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าปกติ เพราะสินเชื่อส่วนบุคคลจะมีดอกเบี้ย 25% ต่อปี )

-กรณีนำสินเชื่อบ้าน ไปรวมหนี้กับสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ จะคิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้

รวมหนี้ แบบไหนได้บ้าง?

1.รวมหนี้ธนาคารเดียวกัน เช่น หนี้บ้านธนาคาร A รวมกับหนี้บัตรเครดิตธนาคาร A

2.รวมหนี้ข้ามธนาคาร จากหนี้บ้านธนาคาร A ไปรวมหนี้บัตรธนาคาร B หรือ จากหนี้บัตรธนาคาร B มารวมหนี้บ้านธนาคาร A

3.รวมหนี้หลายธนาคาร ไปไว้ธนาคารแห่งใหม่ เช่น มีหนี้บ้านธนาคาร A และหนี้บัตรเครดิตธนาคาร B นำไปรวมหนี้ไว้ที่ ธนาคาร C

ข้อควรรู้ของการรวมหนี้ คือ 1.ลูกหนี้สามารถรวมหนี้ได้ไม่เกินมูลค่าหลักประกัน แต่หากยอดหนี้สินเชื่อรายย่อยสูงกว่ามูลค่าหลักประกัน สามารถขอรวมหนี้แค่บางส่วนได้ 2.ลูกหนี้ต้องให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นแก่สถาบันการเงินที่ทำการรวมหนี้ เช่น ชื่อเจ้าหนี้ ยอดหนี้คงค้าง 3.ลูกหนี้อาจถูกพิจารณาปรับลดวงเงินส่วนที่นำไปรวมหนี้ เพื่อให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้ 4.หากผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน ถึงแม้จะไม่ได้รวมหนี้ ก็อาจเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องบังคับหลักประกันสินเชื่อบ้านได้ในที่สุด

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การโอนย้ายหนี้เดิมจากธนาคาร A ไปธนาคาร B แห่งใหม่ หรือพูดง่ายๆ คือ การก่อหนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า โดยจะได้รับดอกเบี้ยถูกและดีกว่าของเดิม

ประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์ คือ

1.ไม่ถูกเรียกเก็บค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด (prepayment fee) จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2566 สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์

2.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ห้ามเรียกเก็บ prepayment fee หลังจาก 3 ปีไปแล้ว

3.สินเชื่อประเภทอื่น ๆ ประกอบด้วย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ, สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และสินเชื่ออุปโภคบริโภค เช่น สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อที่มีหลักประกันอื่น ๆ ห้ามเรียกเก็บ prepayment fee ใดๆทั้งสิ้น

ข้อควรรู้ของการรีไฟแนนซ์ คือ หากสถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยให้ลูกหนี้รีไฟแนนซ์ออกไป หรือออกไปเพื่อรวมหนี้แห่งอื่นแบงก์ชาติ ยืนยันสถาบันการเงินไม่มีสิทธิปฏิเสธ ถ้าเกิดกรณีนี้ให้ลูกหนี้โทรมาแจ้งได้ที่เบอร์ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร.1213