เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (หน.จต.) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ ผกก.ฝ่ายสิทธิสัญญาและกฎหมาย ตท. ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส  

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวถึงการดำเนินคดีอาญาว่า ปัจจุบันได้ออกหมายจับนายวรยุทธ ในความผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย หมดอายุความ 3 กันยายน 2570 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย หมดอายุความ 3 กันยายน 2565 โดยพนักงานสอบสวนได้ส่งหมายจับให้พนักงานอัยการ หลังจากนี้เป็นขั้นติดตามตัวมาส่งให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

พ.ต.อ.ทรงเอก กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้ประสานกับสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ และสถานทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย และเผยแพร่หมายแดงของนายวรยุทธ ที่ออกไว้เมื่อ 30 กันยายน 63 ไปตามช่องทางเครือข่ายตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล จำนวน 195 ประเทศ เพื่อเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังทำคำร้องเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไว้แล้ว เมื่อได้รับแจ้งข้อมูลถิ่นที่อยู่ จะสามารถนำมาประกอบคำร้องเสนอให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตามขั้นตอนได้ทันที นอกจากนี้ ยังยอมรับว่ากองการต่างประเทศ ไม่มีข้อมูลว่านายวรยุทธไปหลบอยู่ในสถานที่ใด ข้อมูลสุดท้ายที่ทราบคือการเดินทางออกจากประเทศไทยในปี 2560

พล.ต.ท.เชษฐา กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวรยุทธ สรุปภาพรวมมีการดำเนินการมา 3 ช่วงเวลา 3 ชุด โดยชุดแรก ได้สืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางวินัยตั้งแต่ปี 2559-2563 ตร. ได้มีคำสั่งตั้ง กก.สืบสวนข้อเท็จจริงกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง 11 นาย สังกัดนครบาล (ในขณะนั้น) กระทั่งปี 63 ถูกลงทันฑ์ ภาคทัณฑ์ และยุติเรื่องบางส่วน ต่อมาเดือนกันยายน 2563 ถึง กุมภาพันธ์ 2564 มีการสืบสวนทางวินัยเพื่อดำเนินการกับตำรวจเพิ่มเติม อีก 7 ราย ปรากฏว่ามีรายชื่อซ้ำกับ 11 รายแรก เพิ่มเติมมา 3 รายทั้ง 7 ราย อยู่ในสังกัดนครบาล (ในขณะนั้น) และมีนักวิททยาศาสตร์ของ พฐ. คณะกรรมการชุดนี้ได้สืบสวนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อกุมภาพันธ์ 64 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาลงโทษของ ตร. ส่วนชุดที่ 3 มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามรายงานของนายวิชา มหาคุณ พิจารณามาตั้งแต่มิถุนายน 2564 ดำเนินการทางวินัยกับตำรวจ 4 นาย ขั้นตอนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสืบสวนข้อเท็จจริง มีความคืบหน้าไป 80% คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในธันวาคมปีนี้ ซึ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดมีทั้งสิ้น 17 นาย

ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ ชี้แจงประเด็นที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า ตำรวจไม่มีงบประมาณเพียงพอ ในการบินไปจับตัวนายวรยุทธ ที่ต่างประเทศนั้น ข้อเท็จจริงคือ การติดตามตัวนายวรยุทธ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ใช้ช่องทางการส่งหมายแดงประสานกับตำรวจสากล 195 ประเทศ อีกทั้งตำรวจไทยไม่สามารถนำกำลังเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ ที่ต่างประเทศได้ เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย ของประเทศนั้นๆ ดังนั้น หน้าที่ของกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำได้เพียงการขอความร่วมมือยังตำรวจสากล เพื่อสืบสวนถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา ช่องทางการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนผ่านอัยการสูงสุด ส่วนประเทศที่อยู่นอกเครือข่ายตำรวจสากล ก็ใช้ความร่วมมือทางการทูต ซึ่งการที่จะมีงบประมาณหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจับนายวรยุทธ เพราะถึงมีงบประมาณมหาศาลก็ไม่สามารถไปจับตัวนายวรยุทธ ​ในประเทศอื่นได้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายวรยุทธอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรีย พล.ต.ต.ยิ่งยศ ชี้แจงว่า ประเทศที่อ้างถึงเป็นเครือข่ายอินเตอร์โพลเช่นกัน แต่เขายังไม่แจ้ง แสดงว่ายังไม่พบตัว พร้อมยืนยันว่าตำรวจมีความตั้งใจที่จะจับกุมตัวนายวรยุทธ ถ้าไม่ตั้งใจจับคงไม่ออกหมายแดง แต่เมื่อเผยแพร่ไปแล้วยังไม่พบ ก็ยังไม่เจอตัว ทั้งนี้ตำรวจทำงานภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด สำหรับหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ยกเลิกไปแล้ว แต่หากนายวรยุทธ จะใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่น คงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า ล่าสุด พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท.ผู้ช่วยประจวบฯ ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ 89 (89th Interpol General Assembly) ที่เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ได้ส่งข้อมูลระบบไบโอเมตริกซ์ของนายวรยุทธ จากที่ไม่เคยมีอยู่ ให้ตำรวจสากลเพื่ออัพเดทข้อมูลหมายแดงแล้ว ขณะนี้หัวหน้าตำรวจสากลได้มอบหมายให้ผู้ช่วยทูตตำรวจฝ่ายออสเตรียประจำประเทศไทย ประสานงานกับกองการต่างประเทศอย่างใกล้ชิดขณะเดียวกัน พล.ต.ต.เขมรินทร์ ยังได้หารือกับหัวหน้าตำรวจสากลประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป เพื่อขอความร่วมมือในการสืบสวนติดตามจับกุมนายวรยุทธ ทั้งนี้ระหว่างการประชุม เรื่องของนายวรยุทธเป็นบิ๊กโฟกัสของตำรวจสากล ตนมั่นใจหากอินเตอร์โพลได้เบาะแสจะต้องแจ้งกลับมาทางตำรวจไทยแน่นอน

เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มั่นใจหรือไม่ว่าก่อนคดีสุดท้ายจะหมดอายุความ จะสามารถได้ตัวนายวรยุทธ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยก่อนหมดอายุความหรือไม่ โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ สั่งการทุกมิติว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ และระหว่างที่ พล.ต.ท.ประจวบ ไปพูดคุยกับเครือข่ายตำรวจสากลน่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือและสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่จะ 100% หรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม