สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ว่าสืบเนื่องจากกรณีที่ พญ.โสมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สองเข็มต่างยี่ห้อ และยิ่งไปกว่านั้นคือวัคซีนทั้งสองเข็มพัฒนาจากเทคโนโลยีคนละแบบ ว่า "ค่อนข้างก่อให้เกิดแนวโน้มอันตราย" เนื่องจาก "ยังไม่มีข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์รองรับเพียงพอ" นั้น
พญ.สวามินาธานชี้แจงอีกครั้งในเวลาต่อมา ว่าเธอต้องการสื่อเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะสามารถตัดสินใจได้เอง ว่าเมื่อใดจะฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เข็มที่สาม หรือแม้แต่เข็มที่สี่ รวมถึงจะสามารถฉีดวัคซีนข้ามยี่ห้อ และคนละเทคโนโลยีได้หรือไม่ เรื่องแบบนี้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้เชี่ยวชาญ บนพื้นฐานของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านการแนะนำเชิงยุทธศาสตร์ของดับเบิลยูเอชโอเคยมีมติ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ สามารถใช้เป็นเข็มที่สองให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ซึ่งพัฒนาโดยเทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ ในกรณีที่อยู่ในภาวะขาดแคลน หรือเข้าถึงวัคซีนได้อย่างจำกัด
ขระที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักรกำลังศึกษาการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตราเซเนการ่วมกับไฟเซอร์ และวัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ ร่วมกับวัคซีนของโนวาแวกซ์ ที่อยู่ในขั้นตอนทดสอบทางคลินิกระยะสุดท้าย โดยวัคซีนของโนวาแวกซ์ใช้เทคโนโลยี "​ซับยูนิต" คือใช้โปรตีนบางส่วนของเชื้อไวรัสโคโรนาเพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES