เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ย. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปราบปรามยาเสพติดสำนักงาน ป.ป.ส.และตัวแทนเจ้าหน้าที่ บช.ปส. ร่วมกันแถลงจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี และ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สองผู้ต้องหาชาวปากีสถาน พร้อมของกลาง เฮโรอีนน้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม และ เคตามีนน้ำหนัก 30.6 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป ใส่ไว้ในกระเป๋าสัมภาระรวมมูลค่า 95,100,000 บาท โดยจับกุมได้ขณะที่ทั้ง 2 โดยสารเครื่องบินมาลงที่ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา

นายพชร กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติด กระทั่งเมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ช่องตรวจผู้โดยสารไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องเขียว) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เรียกตรวจนายเอ และ นายบี ซึ่งเดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปลายทางมุ่งหน้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ พบบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป ซุกซ่อนยาเสพติดดังกล่าว จึงควบคุมตัว

นายพชร กล่าวต่อว่า สอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ ยอมรับว่าได้รับค่าจ้างคนละ 20,000 บาท ให้นำกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย หากผ่านช่องตรวจผู้โดยสารสำเร็จจะมีผู้ติดต่อมาขอรับกระเป๋าสัมภาระไปอีกทอดหนึ่ง จากการตรวจสอบย้อนหลังช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาไม่พบว่าผู้โดยสารทั้ง 2 รายเคยเดินทางเข้าประเทศไทย จึงประสานสำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช. ปส. ร่วมสอบสวนขยายผล สืบหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเกี่ยวข้องกับคดีนำเข้าและส่งออกยาเสพติด ที่เป็นข่าวดังช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ อธิบดีกรมศุลกากร ตอบว่า คดีนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยัน จะทำการขยายผลทุกคดีที่มีการจับกุมยาเสพติด และติดตามยึดทรัพย์ โดยเฉพาะล่าสุดที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับและมีข้อสั่งการให้กรมศุลกากร กวดขันจุดสุ่มเสี่ยงในกระบวนการ ขั้นตอนทางพิธีการนำเข้าส่งออกสินค้า ทั้งขาเข้าและขาออก เร็วๆนี้จะมีมาตรการเปลี่ยนขั้นตอนให้เข้มงวดยิ่งขึ้น และสุ่มตรวจถี่มากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อกำหนดใช้เฝ้าระวังและปราบปรามยาเสพติดรวมถึงสิ่งผิดกฎหมายต่างๆต่อไป