เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) สรุปภาพรวมโควิดประเทศไทยพบ ติดเชื้อรายใหม่ 4,886 ราย, ติดเชื้อสะสม 2,120,758 ราย, หายป่วยวันนี้ 6,326 ราย, อยู่ระหว่างรักษาตัว 74,190 ราย, อาการหนัก 1,351 ราย, ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 340 ราย, เสียชีวิตรายใหม่ 43 ราย, เสียชีวิตสะสม 20,814 ราย

ส่วนการฉีดวัคซีนสะสม 93,231,463 โด๊ส เป็นเข็ม 1 จำนวน 48,307,704 ราย คิดเป็น 67.24% เข็ม 2 จำนวน 41,485,442 ราย คิดเป็น 57.75% และเข็ม 3 จำนวน 3,438,317 ราย คิดเป็น 4.84% และเข็ม 4 จำนวน 15,521 โด๊ส คิดเป็น 0.02% และต้องเร่งฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นในจังหวัดที่มีอัตราการฉีดต่ำกว่า 50% ของประชากรคือแม่ฮ่องสอน ฉีดได้ 45.92% และอีก 26 จังหวัดที่มีอัตราการฉีดอยู่ที่ 50-59.99% คือ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ แพร่ อุบลราชธานี ชัยภูมิ สิงห์บุรี สระแก้ว สตูล ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี ตาก ราชบุรี นครพนม หนองบัวลำภู ลพบุรี ปัตตานี บึงกาฬ สกลนคร และนราธิวาส

“ดังนั้นขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดเหล่านี้เข้ามาฉีดวัคซีนเพราะหากยอดฉีดต่ำกว่า 70% จะไม่เพียงพอต่อการป้องกันสังคม โดยเฉพาะขณะนี้มีรายงานเชื้อโอไมครอน การฉีดวัคซีนจะช่วยดความรุนแรงของโรค” โฆษก ศบค.กล่าว

สำหรับ 10 จังหวัดที่ติดเชื้อรายใหม่มากสุดคือ กทม.794 ราย สงขลา 270 ราย สุราษฎร์ฯ 240 ราย นครศรีธรรมราช 204 ราย ชลบุรี 198 ราย เชียงใหม่ 171 ราย สมุทรปราการ 140 ราย ปัตตานี 119 ราย ประจวบฯ 117 ราย และชุมพร 100 ราย

นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยภาพรวมการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 133,064 ราย ติดเชื้อ 171 ราย คิดเป็นอัตราการติดเชื้อ 0.13% แต่เมื่อมีเชื้อโอไมครอน ต้องกลับไปใช้วิธีตรวจ RT-PCR เช่นเดิม สำหรับ 10 ประเทศที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากสุดประกอบด้วยสหรัฐ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร รัสเซีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ ยูเออี และอิสราเอล ทั้งหมดมีอัตราการติดเชื้อไม่ถึง 1% ในขณะที่เชื้อโอไมครอนส่วนใหญ่พบที่ทวีฟแอฟริกา แต่เนื่องจากโลกเชื่อมต่อกันหมดจึงต้องเฝ้าระวัง.