สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ว่า พญ.โสมยา สวามินาทาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โอไมครอน ว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธง” ว่าเชื้อดังกล่าวก่อให้เกิดอาการป่วยน้อยกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่น ซึ่งวนเวียนอยู่กับมนุษย์มาก่อนแล้วหรือไม่


ขณะเดียวกัน พญ.โสมยาตั้งข้อสังเกตในประเด็น “แหล่งกำเนิดแท้จริง” ของเชื้อโอไมครอน ว่ายังไม่อาจสรุปได้ ว่าต้นกำเนิดการกลายพันธุ์อยู่ที่แอฟริกาใต้ เนื่องจาก แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกซึ่งยืนยันการพบผู้ป่วยจากเชื้อนี้ และแบ่งปันข้อมูลทั้งหมดให้แก่ดับเบิลยูเอชโอ


ปัจจุบัน สายพันธุ์หลักของเชื้อไวรัสโคโรนาบนโลก ที่ส่งผลให้เกิดโรคโควิด-19 นั้น เป็นเชื้อเดลตา “มากถึง 99%” แม้มีความเป็นไปได้ที่เชื้อโอไมครอนจะก้าวขึ้นมาเป็นสายพันธุ์หลัก เนื่องจากอัตราการพบผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้ “กำลังเพิ่มแบบทวีคูณ” และองค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญยังคงต้องมีการค้นหาคำตอบในอีกหลายเรื่อง


อย่างไรก็ตาม พญ.โสมยาเน้นย้ำว่า ชาวโลกไม่ควรตื่นตระหนกกับเชื้อโรคตัวนี้ “เพราะสถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อปีที่แล้วมาก” แต่ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักและอย่าชะล่าใจ เนื่องจากการที่รายงาน ณ เวลานี้ ระบุว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการแต่เบาบางมาก และไม่หนัก “ยังไม่ได้หมายความว่าเชื้อตัวนี้ไม่มีฤทธิ์รุนแรง”


ทั้งนี้ พญ.โสมยายังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอต้านทานเชื้อโอไมครอน ลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการป่วยหลัก และการเสียชีวิตได้ แต่มีการวิเคราะห์สถานการณ์ล่วงหน้าเช่นกัน ในกรณีที่มนุษย์ต้องการวัคซีนใหม่ เพื่อรับมือกับเชื้อตัวนี้.

เครดิตภาพ : AP