“มองไกล เห็นใกล้” สัปดาห์นี้ เว็บไซต์ เซาธ์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ศุลกากรฮ่องกง ตรวจยึดยาไอซ์ ในรูปของเหลวที่ถูกบรรจุซองน้ำหนักรวม 12 กิโลกรัม มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 43 ล้านบาท ของเหลวผิดกฎหมายนี้สำแดงว่า เป็นกุ้งแช่แข็งที่ขนส่งมาจากไทย และผู้ต้องหาขนยาเสพติดก็เป็นคนไทย ซึ่งอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต

ทางการฮ่องกงเคยตรวจจับยาเสพติดที่ขบวนการค้ายาส่งไปจากไทยจนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว โดยสามารถยึดเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 23 กิโลกรัม มูลค่าราวๆ 900 ล้านบาท ซุกซ่อนในเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำกาแฟ ก่อนส่งทางเรือสินค้าที่พบว่าเดินทางมาจากไทย

นั่นคือที่ฮ่องกง พบการขนยาเสพติดจากไทยหลายครั้งมาก!!!

ขณะที่ไต้หวันเองก็เคยยึดเฮโรอีนซุกท่อนไม้ได้ถึง 447 กิโลกรัม มูลค่าราวๆ 6 พันล้านบาท ทางการไต้หวันสืบทราบว่าขบวนการลักลอบขนส่งยาเสพติดมาจากไทย โดยผู้ต้องสงสัย “ตัวการใหญ่” สามารถหลบหนีเข้าไปจีนแผ่นดินใหญ่

หรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย เว็บไซต์สำนักงานตำรวจ (Australian Federal Police) เผยว่าได้ตั้งข้อหาชาย 2 คน วางแผนนำเข้าเฮโรอีน 314 กิโลกรัม จากไทยเข้าประเทศ

นั่นหมายความว่าในช่วงโควิด การขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลกอาจจะวิกฤติ แต่สำหรับไทยแล้ว ในเวลาที่โรคกำลังระบาด ภาคการขนส่งหลายประเทศซบเซา เราได้แปรเปลี่ยนไปเป็น “ฮับ” แห่งการส่งออกยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว

ที่น่าสนใจ จากการตรวจสอบพบว่าคดีขนไอซ์เหลวมีบริษัทที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง ระบุการส่งออกกุ้งแช่แข็ง จำนวน 6 ชุด น้ำหนัก 120 กิโลกรัม โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนสั่งกุ้งเป็นชาวฮ่องกง ได้ว่าจ้างบริษัทขนส่งเอกชน กรณีนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทำการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวพบว่า ประกอบธุรกิจส่งสินค้าและเปิดให้เช่าตู้คอนเทเนอร์เพื่อส่งสินค้า

หมายความช่องโหว่ใหญ่ๆ อยู่ที่การส่งออก และหากสืบสาวต้นทางผู้รับผิดชอบก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามาจาก “กรมศุลกากร”

จะโทษการส่งออกอย่างเดียวก็ดูไม่เป็นธรรมนัก เพราะจากพฤติกรรมการซุกซ่อนยาเสพติดก็เนียนและมืออาชีพขึ้นทุกครั้ง

และแน่นอนว่าการลักลอบนำยาเสพติดจำนวนมากส่งออกไปต่างประเทศ ย่อมไม่ทำให้เจ้าหน้าที่จับได้ง่ายๆ คำถามคือแล้วทำไมถึงไปถูกจับได้ที่ประเทศปลายทาง ไม่ว่าจะฮ่องกง ไต้หวัน หรือ ออสเตรเลีย

ประการแรกเลย คือ การขนส่งทางเรือนั้นอาจไม่รัดกุมนัก หรือความรัดกุมอาจไม่เท่า “ความเนียน” ของขบวนการค้ายาเสพติด…คิดดูว่าซ่อนยาไว้ในท่อนไม้ได้นั้น ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ขนาดไหน

ประการต่อมา คือ ขั้นตอนการตรวจคัดกรอง หรือเฝ้าระวังยังไม่ดีพอ จึงทำให้การขนส่งยาเสพติดจากไทยเป็นไปได้โดยง่าย และประการสุดท้ายที่น่าคิด ธุรกิจเช่าตู้คอนเทเนอร์ที่เช่ากันอยู่นี้ หลังเผชิญโควิด ปรากฏว่าราคาเช่าตกลงมาก เพราะฉะนั้นเมื่อมีการขนส่งทางเรือ การตรวจสอบจากไทยไปประเทศปลายทางจึงไม่ได้เข้มงวดนัก หลังนักธุรกิจในแวดวงออกมาเคลื่อนไหวให้การขนส่งทางเรือซึ่งต้องใช้ตู้คอนเทเนอร์ได้หายใจสะดวกขึ้น

และนั่นเป็นช่องทางอาจทำให้ขบวนการขนส่งยาเสพติดทางเรือ “เหิมเกริม” เห็นช่องทางลักลอบมากขึ้น

ถามว่าทุกวันนี้ไทยคือฮับของการขนส่งยาเสพติดทางเรือไปยังต่างประเทศใช่หรือไม่ จากที่เห็นและเป็นอยู่ก็คงต้องบอกว่าสถานการณ์ส่อไปทางนั้นจริงๆ.

หลง หลังลาย

ขอบคุณภาพจาก facebook สำนักงาน ป.ป.ส.