กระแสลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งในไทยและทั่วโลกกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ส่วนหนึ่งมาจากการแสวงหาผลตอบแทนที่สูง ในช่วงที่ดอกเบี้ยในประเทศต่ำ เรียกว่าเกิดพฤติกรรม Search for Yield ซึ่งยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีเงินทุนอยากหาสินทรัพย์การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อให้ผลตอบแทนสูงๆมากกว่าเดิม แต่การลงทุนกับคริปโตฯ ความเสี่ยงก็มีมากเช่นเดียวกัน

“ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล” รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยข้อมูลหลังจากสำรวจ พบว่า จากข้อมูล Google Trend คนไทยค้นหาคำว่า Bitcoin (บิตคอยน์) สูงเป็นอันดับที่ 54 และคำว่า DeFi (ดีฟาย) เป็นอันดับที่ 65 ของไทย และยังค้นหาคำว่า Bitcoin เป็นอันดับ 22 และ DeFi เป็นอันดับ 61 ของโลกในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้นักลงทุนไทยสนใจคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้น แต่การสร้างความรู้ความเข้าใจ ยังเป็นโจทย์ทางการ โดยกลุ่มที่ลงทุนในคริปโตฯ เมื่อเทียบกับพอร์ตรวม มีลงทุนเกิน 50% สัดส่วน 25.5%, ลงทุนระหว่าง 10-15% สัดส่วน 18.6% และลงทุนน้อยกว่า 10% สัดส่วน 16.6%

สำหรับ 5 เหตุผลหลักของการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี

-18.2% เชื่อมั่นว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ และคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูง

-16.5% ต้องการเรียนรู้ถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ ๆ

-16.5% ต้องการความท้าทายใหม่ๆ

-14.6% มองว่าสินทรัพย์ทางการเงินดั้งเดิมได้รับผลตอบแทนน้อย

-13.9% เชื่อมั่นถึงความปลอดภัยของระบบ

ขณะที่สินทรัพย์ทางการเงินที่นักลงทุนเลือกที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตเป็นอันดับ 1 ในปี 65

-อันดับ 1 คือ คริปโตเคอร์เรนซี 43%

-อันดับ 2 คือ หุ้น 19.2%

-อันดับ 3 คือ DeFi 11.3%

-อันดับ 4 คือ กองทุนรวม 10.8%

-อันดับ 5 คือ เงินฝาก 8.9%

ด้านการประเมินความรู้ด้านคริปโตเคอร์เรนซีของนักลงทุน มีมากถึง 50.5% ความรู้อยู่ในระดับปานกลาง, มี 27% ยังเป็นคนที่มีความรู้น้อย, 18.2% ค่อนข้างดี, 2.6% ดีมาก และ 1.6% ยังไม่แน่ใจ

“นักลงทุนไทยสนใจคริปโตเพิ่มขึ้น แต่การสร้างความรู้ความเข้าใจเป็นโจทย์ของทางการ เพื่อเป็นทางเลือกลงทุนให้มีความรู้เท่าทัน คริปโต แม้มีผลตอบแทนสูง แต่ความผันผวนสูงถึง 68% แปลว่าถ้าลงทุน 100 บิตคอยน์ จะผันผวนถึง 68% ทำให้ต้องรับรู้ว่ามีความเสี่ยงเหล่านี้ด้วย”