บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวขอโทษเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากมีคลิปวิดีโอแสดงภาพทีมงานของเขาหัวเราะและเล่นมุกตลกเกี่ยวกับงานปาร์ตี้ในทำเนียบนายกฯ ที่ถนนดาวนิ่งระหว่างช่วงล็อกดาวน์เพราะโรคโควิด-19 ระบาดเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ห้ามรวมกลุ่มจัดงานรื่นเริง

หลายชั่วโมงหลังจากนั้น บุคคลที่ปรากฏตัวและเป็นจุดเด่นในคลิปซึ่งก็คืออัลเลกรา สแทรตทัน เลขาฯ ด้านสื่อมวลชนของจอห์นสันในช่วงนั้น และปัจจุบันคือที่ปรึกษานายกฯ ก็ขอลาออก ขณะกล่าวแถลงการณ์ทั้งน้ำตา เธอกล่าวว่า คงจะรู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่เธอพูดในคลิปไปตลอดชีวิต

เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่จอห์นสันและทีมงานกล่าวย้ำว่าไม่มีการละเมิดกฎในช่วงปลายปี 2020 หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะ มิร์เรอร์รายงานว่า ทีมงานของนายกฯ มีการจัดงานสังสรรค์หลายครั้ง รวมถึงงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาสที่มีผู้ร่วมงานราว 40-50 คน พร้อมเสิร์ฟไวน์เป็นจำนวนมาก

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จอห์นสันกล่าวในสภาว่า เขาโกรธเรื่องคลิปวิดีโอนั้นมาก ซึ่งผู้นำไปออกอากาศรายแรกคือสถานีไอทีวี ในช่วงดึกของวันอังคาร แต่กล่าวว่าเขาได้รับรายงานยืนยันว่าไม่มีการจัดงานเลี้ยงในทำเนียบนายกฯ ที่ถนนดาวนิ่ง หรือในสำนักงานของเขา รวมถึงที่พักอย่างเป็นทางการของเขา

“ผมต้องขออภัยคนทั้งประเทศอย่างไม่มีเงื่อนไขสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยที่เหตุการณ์นี้สร้างความรู้สึกที่ไม่ดี” จอห์นสันกล่าวในสภา แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่มีการจัดปาร์ตี้หรือละเมิดข้อบังคับระหว่างการล็อกดาวน์ประเทศอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกล่าวหานักการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่ากำลังพยายามกวนน้ำให้ขุ่นด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องจากปีก่อน

ทว่า หลายวันหลังจากการกล่าวขออภัยของจอห์นสัน สถานีข่าวไอทีวีของอังกฤษก็นำคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพของสแทรตทันในทำเนียบนายกฯ มาออกอากาศ โดยมีภาพที่แสดงให้เห็นว่าเธอหัวเราะ แสดงท่าทางล้อเลียนการรายงานข่าวเรื่องงานเลี้ยงวันคริสต์มาสในทำเนียบ โดยส่อนัยว่าอาจมีการจัดงานเลี้ยงจริง ต่อมา สแทรตทันก็เปิดแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนและแจ้งการลาออกจากตำแหน่งโฆษกงาน COP26

ระหว่างช่วงเวลาที่คาดว่ามีการจัดเลี้ยงในทำเนียบ ชาวอังกฤษนับล้านคนต้องเสียชีวิตเพราะโรคระบาดและโดนห้ามไม่ให้พบปะครอบครัวหรือเพื่อนเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลประจำปี หรือแม้กระทั่งบอกลาญาติมิตรที่ป่วยและกำลังจะเสียชีวิต

ในขณะที่มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลอังกฤษอาจยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ให้เข้มข้นขึ้น เพราะสายพันธุ์โอไมครอนกำลังระบาด ข่าวอื้อฉาวเช่นนี้อาจส่งผลให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะทำตามกฎระเบียบที่รัฐบาลออกมาใหม่

เครดิตภาพ : Reuters