จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์ภาพและข้อความระบุทำนองว่า น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ “พิมรี่พาย” แม่ค้าและยูทูปเปอร์ชื่อดัง ได้เข้าแจ้งความเอาผิด น.ส.อาลินดา (สงวนนามสกุล) หลังจากใช้เอกสารใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ แพทย์หญิงท่านหนึ่ง มาสมัครเป็นแพทย์ของคลินิก EST CUTE CLINIC (อิส คิวท์ คลินิก)​ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. “พิมรี่พาย” เปิดเผยว่า วันนี้มาแจ้งความร้องทุกข์กรณีที่ตนถูกบุคคลแอบอ้างเป็นแพทย์มาสมัครงานที่คลินิค โดยใช้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์และสำเนาบัตรประชาชนของแพทย์ตัวจริง ซึ่งทั้งในวันที่มาสมัครงานและขณะทำงานแพทย์ตัวปลอมคนนี้ได้ใส่แมสปิดบังใบหน้า ใช้ผ้าคลุมหัว แต่งตัวมิดชิด ทำงานเป็นครั้งคราว ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ จนกระทั่งวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. แพทย์ตัวจริงได้เข้ามาแสดงตัวว่าอยู่ต่างประเทศ และไม่เคยทำงานที่คลินิคของตน

ตอนแรกก็ตกใจว่าเป็นไปได้ไง จึงให้ทีมงานตรวจสอบจนความแตก เพราะติดต่อคนที่แอบอ้างว่าเป็นแพทย์ไม่ได้ ปรากฎว่า ปิดเครื่อง หลังทราบเรื่องก็ได้มีการตรวจสอบแพทย์ที่ทำงานให้คลินิค พบว่าแพทย์ปลอมมีคนนี้เพียงคนเดียว​ ตนจึงมาแจ้งความ เพราะนิ่งนอนใจไม่ได้ และกำลังรวบรวมเคสต่าง ๆ ที่แพทย์ปลอมรายนี้ทำการรักษาให้กับลูกค้า เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานให้แก่พนักงานสอบสวน ขอยืนยันว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น นอกจากนี้จะทำหนังสือและกราบขอโทษคุณหมอตัวจริงที่ทำให้เสียหาย และขอโทษลูกค้าที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลที่แอบอ้างเป็นแพทย์รายนี้ มีการทำเคสให้ลูกค้าแล้วเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่ “พิมรี่พาย” กล่าวว่า ในการสมัครงานแพทย์ปลอมรายนี้อ้างว่า ทำงานกับคลินิคทุกที่ที่มีชื่อเสียง ตนก็ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าแอบอ้างคลินิกใหญ่ ๆ หลายแห่งขนาดนี้ ทำให้เรารู้สึกตายใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็มีการแอบอ้างว่าติดเคสที่นั่นที่นี่ขอเข้าสาย ส่วนตัวตนเชื่อว่ามีการสวมชื่อแพทย์คนนี้มานานแล้ว และมีการไปหลอกที่คลินิกอื่น ๆ ด้วย เพราะมีการแอบอ้างคลินิกอื่น ๆ เยอะมาก

เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิตทางธุรกิจหรือไม่ พิมรี่พาย ตอบว่า ตนไม่คิดโทษใคร เป็นเรื่องของตนเองที่ต้องรับผิดชอบแทนลูกน้องทั้งหมด ในฐานะที่เราเป็นพิมรี่พาย จะปล่อยให้ลูกค้าโดนกระทำแบบนี้ไม่ได้ ขณะที่ นายพงษ์พันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวมหลักฐานทั้งหมด ส่วนการดำเนินคดีทุกข้อหาหากมีพยานหลักฐานใดที่ปรากฎทั้งการใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกงหรือการแสดงเป็นบุคคลอื่นก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด

ด้าน พ.ต.ท.มนสิช กล่าวว่า วันนี้ได้รับการประสานงานจากทางทนายความของคุณพิมรี่พาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แนะนำไปว่าให้คุณพิมรี่พายไปให้ให้กลับไปรวบรวมเอกสารและเช็ครายละเอียดเกี่ยวกับหมอปลอมคนนี้ว่ามีคนเดียวหรือเปล่า ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งเอกสารที่ทางตำรวจให้คุณพี่พิมรี่พายกลับไปรวบรวมเพิ่มเติมในคืนนี้ คือรายชื่อลูกค้าที่ได้เข้ารับบริการกับหมอปลอมคนนี้

พ.ต.ท.มนสิช กล่าวต่อไปว่า ผู้เสียหายในคดีนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่ 1 คือ คลินิกซึ่งเป็นผู้ประกอบการ ส่วนที่ 2 คือ ผู้เสียหายที่เป็นคุณหมอตัวจริง ที่ถูกนำเอกสารใบประกอบวิชาชีพมาแอบอ้างสวมรอย ซึ่งทราบว่าตอนนี้ตัวคุณหมออยู่ที่ต่างประเทศและส่วนที่ 3 คือ ตัวลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เคสลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็นเคสร้ายแรงเพียงแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว โดยผู้ต้องหาจะเลือกตัวหมอที่มีรูปร่างหน้าตาและลักษณะใกล้เคียงกันและยิ่งอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด จึงต้องปิดหน้าด้วยแมสยิ่งยากต่อการตรวจสอบ ในส่วนของข้อหาหลักที่ผู้ต้องหาจะต้องถูกดำเนินคดี 1.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ในส่วนอีกข้อจะต้องไปดูก่อนที่มาของเอกสารนั้นมาได้อย่างไร

“อยากฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการคลินิก ควรมีการถอดแมสเทียบหน้าตอนมาสมัครงาน หรือตรวจสอบไปยังเว็บไซต์แพทย์สภา และเช็กข้อมูลทางอินเตอร์ว่ารายชื่อผู้มาสมัครเคยเป็นข่าวมาหรือไม่” พ.ต.ท.มนสิช กล่าวทิ้งท้าย.