เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.5178/2564 ที่พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี เป็นโจทก์ฟ้อง นาย ช.ช้าง (สงวนชื่อนามสกุล) เป็นจำเลย จากกรณี ยายของ ด.ญ.หนู (นามสมมุติ) ร้องทุกข์กล่าวโทษ นาย ช.ช้าง ในฐานะลุงเขย ข่มขืนกระทำชำเรา อนาจาร ด.ญ.หนู ที่เป็นหลานภรรยาหลายครั้ง
คำฟ้องสรุปว่า ช่วงเดือน มี.ค.62 จำเลยได้ กระทำชำเราอนาจารเด็กหญิงหนู ขณะที่อายุ 11 ขวบ หลายครั้ง ซึ่งยังเด็กอายุไม่ถึง 13 ปีและไม่ใช่ภรรยาของตน เพื่อสนองความใคร่ของจำเลย โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม เหตุเกิดที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อมาตำรวจได้จับกุมจำเลยตามหมายจับของศาลนี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 277, 279 ทั้งนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ระหว่างรอการพิจารณา ด.ญ.หนู ผู้เสียหาย และมารดาเด็กผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาตตามขอ
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าโจทก์ร่วมขณะเบิกความอายุ 11 ขวบ ยังเป็นเด็กไม่มีจริตมารยาและยังเป็นญาติกับภรรยาจำเลย ไม่มีเหตุจะเบิกความปรับปรำจำเลยซึ่งเป็นญาติเพื่อให้รับโทษโดยปราศจากความจริง เชื่อว่าให้การเป็นความจริง รวมถึงหลังจากที่โจทก์ร่วมไปตรวจร่างกายปรากฏว่าเยื่อพรหมจารีฉีกขาด พบหลักฐานเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แพทย์ให้ความเห็นตามผลการตรวจชันสูตรว่าแผลภายในอวัยวะเพศเกิดจากจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา และหลังจากผู้เสียหายบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดี มีภรรยาจำเลยไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอร้องไม่ให้โจทก์ร่วมและญาติแจ้งความจำเลย และขอร้องให้ถอนแจ้งความ ทั้งนี้จำเลยได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับยายของโจทก์ร่วม เมื่อยายโจทก์ร่วมถามว่าได้กระทำผิดต่อโจทก์ร่วมหรือไม่ จำเลยก็ยอมรับ ดังนั้นหากจำเลยไม่ได้กระทำผิดก็ไม่มีเหตุให้จำเลยรับสารภาพกับยายโจทก์ร่วม จากพยานหลักฐานตามที่กล่าวมา จึงเชื่อได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและกระทำอนาจารผู้เสียหาย
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง, 279 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี จำคุกกระทงละ 12 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 48 ปี ฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และ จำคุก 2 ปี ฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลย 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 49 ปี 4 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 1,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าว นับแต่วันที่ฟ้อง (26 ต.ค. 2563) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม คำขอและข้อหาอื่นให้ยก