เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ตำรวจ ทหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.สรายุทธ์ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ออกปฏิบัติการตรวจจับยาเสพติดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ.62 ตำรวจ บก.น.3 บช.น. จับกุม นายวัชรพงษ์ หรือ ตั้ม ช่างแกะ อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,166,000 เม็ด เคตามีน 1.22 กรัม พฤติการณ์คือเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในรถเก๋งฮอนด้า สีขาว เพื่อรอการจำหน่าย บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 1 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ชุดจับกุมจึงนำกำลังไปตรวจสอบพบรถจอดอยู่ โดยมี นายวัชรพงษ์ ยืนอยู่ที่รถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบของกลางดังกล่าว

จากคดีข้างต้น วันที่ 23 ก.พ.63 ได้ขยายผลจับกุมนายจักรกฤษณ์ จันทร์สา หรือ บอล อายุ 20 ปี และ นายพุฒิศักดิ์ กวักหิรัญ หรือ เค้ก อายุ 22 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 88,000 เม็ด ปืนพกรีวอลเวอร์ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก จับได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 51 ซอยอ่อนนุช 84 แยก 1 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 2 คดี พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้ออกหมายจับ นายสรกฤช สนธิ์ศิริ หรือ กุ๊ก ในข้อหาสมคบฯ ทำให้ นายสรกฤช หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ด้านจังหวัดเกาะกง แต่ก็ยังมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและลักลอบเดินทางเข้าออกประเทศไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราด อยู่ ต่อมา บก.ปส.2 บช.ปส. สืบสวนขยายผลทราบว่า นายสรกฤช สนธิ์ศิริ หรือ กุ๊ก กับพวกยังมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ตำรวจ บก.ปส.2 จับกุม นายสรกฤช สนธิ์ศิริ กับพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้ากว่า 224,000 เม็ด บริเวณบ้านเลขที่ 229/37 (หมู่บ้านร็อคกาเด้นบีช) หมู่ 6 ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง จากนั้นไปตรวจค้นรถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน 4 กภ 6556 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรจังหวัดระยอง (วังหว้า) ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง และขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินเบื้องต้นมูลค่าประมาณ 85 ล้านบาท

จากนั้นวันที่ 8 มี.ค. ตำรวจ บก.ปส.2 บช.ปส. รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติเลขาธิการ ป.ป.ส. จับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ 3 คน ประกอบด้วย น.ส.อัจฉรา แนมนิล อายุ 35 ปี นายณัฐกิตติ์ พลศรีษะ อายุ 34 ปี และนายคชาภรณ์ หรือต่อ ว่องวิโรจน์สกุล อายุ 28 ปี

ก่อนที่วันที่ 15 มี.ค. บก.ปส.2 บช.ปส. เปิดยุทธการสยบไพรี 64/7 เครือข่าย “สยบบูรพา” จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายได้เพิ่ม 1 คน รวมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก มูลค่า 35 ล้านบาท โดยฝ่ายสืบสวนฯ บก.ปส.2 บช.ปส. ยังคงดำรงการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องจนทราบว่า หลังจากที่ นายสรกฤช หรือ กุ๊ก กับพวกถูกจับกุมและยึดทรัพย์เป็นจำนวนมากแล้ว ได้มีนายสมชาติ ใจเที่ยง หรือ จ่าทึ่ม ซึ่งเป็นคนสนิทนายสรกฤช เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นหัวหน้าขบวนการแทน มีจำหน่ายยาเสพติดและนำเงินที่ได้มาสนับสนุนครอบครัว ญาติมิตร ของนายสรกฤช และของตนเองจนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากมาย จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย นายสมชาติ ใจเที่ยง อายุ 39 ปี น.ส.สุภาภรณ์ แก้วมุณี อายุ 22 ปี น.ส.วรรณวิสา รัตนพงศ์ อายุ 29 ปี น.ส.ชวิศา นครพงศ์ อายุ 35 ปี นายดำรงณ์ศักดิ์ ครุฑชาติ อายุ 29 ปี และน.ส.ชนิตรา แสวงหา อายุ 22 ปี

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการปราบปรามขบวนการดังกล่าวให้หมดสิ้น ทำให้ชุดจับกุมเปิดยุทธการสยบไพรี 65/2 เครือข่าย “มารปากดำ” ตั้งแต่เช้าตรู่ ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ประกอบด้วย นายสมชาติ หรือจ่าทึ่ม หัวหน้าเครือข่ายกับพวก และตรวจยึดทรัพย์สินเพิ่มเติม ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง มูลค่าประมาณ 22,500,000 บาท รถยนต์ 5 คัน  มูลค่าประมาณ 5,300,000 บาท ที่ดิน 4 แปลง มูลค่าประมาณ 26,250,000 บาท รวมทรัพย์สินตรวจยึดเพิ่มเติมจากการปฏิบัติการครั้งนี้ มูลค่า 54,050,000 บาท ทั้งนี้จากการสืบสวนและทำลายเครือข่ายนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นหัวหน้าและบุคคลในเครือข่ายได้รวม 15 คน ยึดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติด มูลค่ารวมกว่า 174 ล้านบาท