เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้มีการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาของนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถามนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เรื่องโครงการคนละครึ่ง ที่มีการตั้งข้อสังเกตเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนนายทุนรายใดรายหนึ่ง หรือเป็นโครงการประชานิยมด้วยหรือไม่นั้น

นายสันติ รมช.คลัง ชี้แจงโครงการคนละครึ่ง มีเป้าหมายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพื่อฟื้นคืนระบบเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.63 มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 15 ล้านคน และมีร้านค้าเข้าร่วม 5 แสนร้าน กรอบวงเงินหมุนเวียน 102,000 ล้านบาท สำหรับในเรื่องการเก็บภาษีของกรมสรรพากรไม่ได้มีเจตนาเก็บภาษีเฉพาะบุคคล หรือเฉพาะบริษัท โดยทางกรมสรรพากรมีเกณฑ์หากการค้าขายอยู่ในระดับเฉลี่ย 40,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีต้องจ่ายภาษีตามเกณฑ์ และกรมสรรพากรได้ออกข้อบังคับและกฎเกณฑ์ในการเสียภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนระดับฐานรากไว้แล้ว หลังจากนี้เตรียมขยายความชี้แจงรายละเอียดเรื่องการชำระภาษีในภาวะวิกฤติโควิด-19 ต่อไป

รมช.คลัง กล่าวว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเอื้อให้เอกชนหรือนายทุนรายใดหรือไม่นั้น ตรงนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเฟส 3 จำนวน 1.3 ล้านร้านค้า เฟส 1-2 ราว 5 แสนร้านค้า ซึ่งทางรัฐบาลมีข้อกำหนด และระมัดระวัง ให้การค้าขายไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และโครงการนี้ไม่มีบริษัทหรือห้างร้านเข้าร่วมจดทะเบียนเป็นร้านค้าร่วมโครงการ แม้แต่บริษัทเดียว เพียงแต่เน้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ ซึ่งมีข้อกำหนดไว้ว่าจะต้องเป็นร้านค้าของบุคคลเท่านั้น.