เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางเข้ามาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ที่สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ตามประจำวันข้อ 4 เพื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หลังได้ใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ บ.438/2563 และยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่น

โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ตามที่ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับของคำสั่งสำรองราชการ และยังมีคำสั่งทุเลาคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ตนพ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ส่งผลให้การเสมือนว่าไม่มีคำสั่งสำรองราชการตน และเสมือนว่าไม่มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ตนพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.มาก่อน จึงส่งผลให้ตนดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2560 มาจนถึงปัจจุบันโดยไม่ขาดตอน วันนี้จึงได้มาลงประจำวันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ต่อไป ดังนั้นวันนี้ตนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติตนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาล ดังนั้นจะมีผลทันที ส่วนอื่นๆ ที่เป็นคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนหน้างานรับผิดชอบยังต้องรอการมอบหมายงานใหม่จาก ผบ.ตร. ซึ่งจากนี้ตนจะต้องเข้าไปรายงานตัวกับ ผบ.ตร.

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากนี้ตนก็ปฏิบัติหน้าที่ตามระยะเวลาราชการที่เหลืออีกปีเศษ ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ดีที่สุด ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างสุดความสามารถในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ ตนรู้สึกดีใจหลังจากไม่มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. มาเป็นเวลา 1 ปีเศษ วันนี้ได้มีโอกาสกลับมาปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบ.ตร.อีกครั้งหนึ่ง ตนขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนและต่อผู้บังคับบัญชาว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะไม่ทำให้ผู้บังคับบัญชาและพี่น้องประชาชนผิดหวัง สำหรับกรณีการสอบวินัยของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และผู้บังคับบัญชา จะต้องดำเนินการไปตามความเป็นธรรมต่อไป สำหรับกรณีที่ยังมีการฟ้องร้องเรื่องเดิมที่ยังอยู่ที่ศาล เป็นเรื่องของศาลที่ต้องพิจารณาตามกระบวนการของศาล ที่ผ่านมาตนไม่เคยโกรธใคร