เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รอง ผบก.ปอศ. ว่าที่ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ. พ.ต.ท.วีระพงษ์ หอมหวล รอง ผกก.1 บก.ปอศ. สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.ชัยพิพัฒน์ พันธุชาติ สว.กก.1 บก.ปอศ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกับการ 1 นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นที่ร้านขายอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ กทม.

สืบเนื่องจากชุดสืบสวนได้รับการร้องเรียนจากตัวแทนเจ้าของเครื่องหมายการค้ายี่ห้อเอ็นจีเค (NGK) ว่ามีผู้จำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของตนโดยทำการจำหน่ายในเขต กทม. ทำให้ทางบริษัทเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้จำหน่ายสินค้าดังกล่าวได้เปิดร้านขายอะไหล่รถยนต์ตั้งอยู่ที่ เขตภาษีเจริญ กทม. จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาล เพื่อเข้าตรวจค้นตรวจสอบ จับกุม ได้พบ น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 59 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของสถานที่ และเป็นเจ้าของสินค้าของกลาง

จากการตรวจค้นพบหัวเทียนจุดระเบิดสันดาปภายในเครื่องยนต์ใช้กับยานพาหนะปลอม เครื่องหมายการค้า NGK จำนวนหลายรุ่น รวมกว่า 5,000 ชิ้น รวมเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท จึงได้ตรวจยึดสินค้าดังกล่าวไว้เป็นของกลาง พร้อมจับกุมตัว น.ส.ก้อยไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ “นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นมาจำหน่ายให้กับลูกค้าจริง เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวจะมีราคาต่ำกว่าท้องตลาด จึงทำให้ลูกค้าสนใจเป็นจำนวนมากและจำหน่ายได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม บก.ปอศ.ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนถึงการใช้หัวเทียนปลอม อาจส่งผลกระทบทำให้เครื่องยนต์ของท่านเสียหายและเสียค่าใช้จ่ายสูง จึงขอให้ตรวจสอบเบื้องต้นก่อนโดยสามารถซื้อหรือเปลี่ยนกับศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของรถยนต์ และการจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายในลักษณะนี้ เป็นการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเสี่ยงที่จะถูกเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้องร้อง เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งอีกด้วย.