“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย คว้าแชมป์อาเซียน สมัย 6 สำเร็จ หลังจาก เสมอ “การูด้า” อินโดนีเซีย 2-2 ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020” รอบชิงชนะเลิศ นัด 2 เมื่อวันปีใหม่ วันที่ 1 ม.ค.65 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ และชนะด้วยสกอร์รวม 6-2

หลังจากนัดแรก ชนะมา 4-0 สถานการณ์ของไทย จึงค่อนข้างสบายใจ โดย มาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ จัดทัพ 11 ตัวจริง เน้นเกมรุก ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, กองหลังจากขวา นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์, กฤษดา กาแมน, ธีราทร บุญมาทัน, กองกลางตัวรับ สารัช อยู่เย็น, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, กองกลางตัวรุก สุภโชค สารชาติ, ชนาธิป สรงกระสินธ์, บดินทร์ ผาลา และ กองหน้า “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา

เกมครึ่งแรก อินโดนีเซีย สู้ตาย และได้ประตูตั้งแต่นาทีที่ 7 ริคกี กัมบัวยา ยิง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับกระฉอกเข้าประตู อิเหนา นำ 1-0 สกอร์รวม ไล่ 1-4 ชักมีชีพจรเต้นแรงขึ้น

ครึ่งหลัง มาโน โพลกิง ส่ง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, อดิศักดิ์ ไกรษร ลงแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ ธีรศิลป์ แดงดา นาทีที่ 54 ไทยได้ประตู บดินทร์ ผาลา ยิงฉีดยา โดนปัด เข้าทางปืน “อัลตร้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ยิงเข้าไป เสมอ 1-1 ต่อด้วยนาทีที่ 56 สารัช อยู่เย็น ได้ยิงแถว 2 บอลแฉลบคู่แข่งเข้าประตู ไทย แซง 2-1 สกอร์รวมนำสุดกู่ 6-1

ถึงนาทีที่ 81 เอกี มัวลานา วิกรี ยิงให้ การูด้า ตีเสมอ 2-2 สกอร์รวม ตามห่างๆ 2-6 ท้ายเกม เจนภพ โพธิ์ขี ถูกส่งลงแทน สารัช เป็นการลงสนามครั้งแรกของ เจนภพ ก่อนหมดเวลา เสมอ 2-2 และไทยชนะด้วยสกอร์รวม 6-2

ไทยคว้าแชมป์สมัย 6 มากสุดจากการจัด 13 ครั้ง ทิ้ง สิงคโปร์ ที่ได้ไป 4 ครั้ง และตลอดทัวร์นาเมนท์ ไม่แพ้ใครเลย ชนะ 6 เสมอ 2 เป็นครั้งที่ 3 ที่ไทยคว้าแชมป์แบบไร้พ่าย ส่วน อินโดนีเซีย สุดอาภัพ ชิง 6 ครั้ง แพ้ 6 ครั้ง โดยเสียท่าไทยถึง 4 ครั้ง รวมครั้งนี้

ทีมไทย รับเงินรางวัล กับเงินอัดฉีด รวมแล้ว 46 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ มาจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้แล้วจากการผ่านเวียดนาม รอบรองฯ 10 ล้านบาท, “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม รวบรวมพันธมิตรได้ 26 ล้านบาท, เงินรางวัลจากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน “เอเอฟเอฟ” ราวๆ 10 ล้านบาท

ทีมชาติไทย จะกลับไทย วันที่ 2 ม.ค.65 ด้วยสายการบินเช่าเหมาลำ ไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE8703 ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลาไทย 14.50 น.